“นี่มัน......” มายมิ้นท์ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็รีบผละออกมาจากบ่าของชายหนุ่มทันที เธอมองไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาด้วยความหวั่นไหวเล็กน้อย
แต่ในไม่ช้าเธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธว่า “ไม่ดีกว่าค่ะ ดีไม่ดีอีกสักพักคงจะถึงแล้วล่ะ”
“แล้วถ้ายังมาไม่ถึงล่ะครับ?” เปปเปอร์มองไปที่เธอแล้วถามกลับ
มายมิ้นท์กลอกตามองเขา “คุณกำลังหลอกฉัน”
“ผมไม่ได้หลอกคุณนะ นี่คืออีกหนึ่งความเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอครับ?” เปปเปอร์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ดังนั้นพวกเราไม่มีใครรับประกันได้หรอกครับว่าพัดชาจะมาเมื่อไหร่ หากว่าเป็นแบบที่ผมบอก คุณคิดว่าคุณจะสามารถอดทนต่อไปได้หรือ? ไม่ปวดหัวหรือไง?”
ประโยคนี้ทำเอามายมิ้นท์พูดไม่ออกเลย
เวียนหัว เวียนหัวจริงๆ
ตอนนี้เธอค่อนข้างจะง่วงมากและรู้สึกว่าสมองสับสนมึนงง
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกะพริบตาไม่หยุด และดูเหมือนว่ามันจะปิดลงได้ทุกเวลา เปปเปอร์ถอนหายใจออกมาแล้วเอื้อมมือไปโอบบ่าเธอเอาไว้ นำตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอด ท้ายที่สุดแล้วก็ให้เธอนอนตะแคงอยู่บนตักของเขา “นอนเถอะครับ ไม่ว่าหล่อนจะมาเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้คุณควรที่จะรีบใช้เวลานอนก่อน ไม่อย่างนั้นอีกประเดี๋ยวคุณจะมีเรี่ยวแรงไปสู้กับเธอได้ยังไง? หากว่าสมองไม่ปลอดโปร่ง เมื่อเผชิญหน้ากับหล่อนคุณคงจะแพ้”
มายมิ้นท์ครุ่นคิดและเห็นด้วย ดังนั้นจึงพยักหน้า “ที่คุณพูดมาก็มีเหตุผลมากนะคะ และคุณก็โน้มน้าวใจฉันได้สำเร็จด้วย เอาล่ะค่ะ ฉันขอนอนหลับตาสักพัก อีกประเดี๋ยวถ้าหล่อนถึงแล้วคุณต้องเรียกฉันนะคะ?”
“ครับผม” เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย “ถ้ามีผมอยู่ คุณเชิญหลับอย่างสบายใจได้เลย”
ประโยคนี้ของเขาทำให้มายมิ้นท์รู้สึกปลอดภัยและวางใจ เธอหลับตาลงช้าๆ ยิ้มให้เขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอหลับสักครู่นะ แล้วคุณไม่ง่วงเหรอ?”
“ไม่ง่วงครับ” เปปเปอร์ลูบไปที่ผมยาวสลวยของเธอ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นกันว่า “ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าต่อให้ผมต้องทำงานข้ามคืนข้ามวันเป็นเวลาสองวันติดต่อกันก็ไม่เป็นปัญหา นี่มันเพิ่งจะกี่ชั่วโมงเอง?”
“โอเคค่ะ คุณเก่งนี่ ฉันทำไม่ได้หรอก อย่าลืมปลุกฉันนะคะ”
เมื่อพูดจบมายมิ้นท์ก็อ้าปากหาวขึ้นอีกครั้งแล้วหลับตาลงด้วยความวางใจ
ในไม่ช้าเสียงหายใจของเธอก็เป็นจังหวะเดียวกันสม่ำเสมอ
เปปเปอร์ก้มหน้ามองเธอ เขาใช้หลังมือสัมผัสไปที่แก้มอันอ่อนนุ่มของเธอ ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย
เธอหลับไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้เชียว พูดปุ๊บก็หลับทันทีเชียว
เปปเปอร์ใช้มืออีกข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเคาะไปที่หน้าจอสองหน ก่อนจะวางมันลงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไม่นานเท่าไรนัก ประตูที่ห้องรับรองก็ถูกเปิดออก ตำรวจหญิงคนหนึ่งเดินถือผ้าห่มเข้ามาข้างในแล้วกระซิบกับเปปเปอร์เบาๆ ว่า “ประธานเปปเปอร์คะ ผ้าห่มที่ท่านต้องการ”
เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไร เขาเอื้อมมือออกไป
ตำรวจหญิงเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปด้วยสีเทาอันเบา เธอหยุดฝีเท้าตนเองลงในบริเวณที่ไม่ห่างไกลจากเปปเปอร์เท่าไรนักแล้วยื่นผ้าห่มส่งไปให้
หลังจากที่เปปเปอร์รับไปแล้วก็พยักหน้าเล็กน้อยให้กับตำรวจหญิงเป็นความหมายว่าขอบคุณ
ตำรวจหญิงยิ้มขึ้นแล้วโบกมือของเธอ ก่อนจะหันไปเหลือบมองมายมิ้นท์ซึ่งกำลังนอนหลับอยู่บนตักของเปปเปอร์ด้วยความอิจฉา จากนั้นหันหลังกลับเดินออกไปอย่างแผ่วเบา
ตอนที่เธอเดินออกไป ได้ปิดประตูลงเบาๆ เรียกได้ว่าระหว่างที่เธอเข้ามาและออกไปไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นเลย
เห็นได้ชัดว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงจะเข้ามา เธอได้รับคำกำชับจากเปปเปอร์ให้เดินเบาๆ อย่าทำให้มายมิ้นท์ต้องตกใจตื่น
เปปเปอร์ไม่ได้หันไปมองว่าตำรวจหญิงเดินทางจากไปเช่นไร หลังจากที่เข้ารับผ้าห่มมาแล้วก็คลี่มันออก ห่มลงบนร่างกายของมายมิ้นท์
อาจเป็นเพราะว่าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างบนร่างกายที่เพิ่มขึ้นมา มายมิ้นท์จึงขยับเขยื้อนเล็กน้อยด้วยความรู้สึกอึดอัด
เปปเปอร์คิดว่าเป็นเพราะเมื่อสักครู่ที่เขาห่มผ้าห่มให้เธออาจเคลื่อนไหวมากจนเกินไป กังวลว่าจะทำให้เธอตื่นขึ้นจึงรีบใช้มือลูบไปที่หลังของเธอเบาๆ เหมือนกับการกล่อมเด็กน้อยนอนหลับ
ในไม่ช้ามายมิ้นท์ก็ได้หลับสนิทลงอีกครั้งหนึ่ง
แต่เปปเปอร์ยังคงไม่ปล่อยมือ เขาลูบไปเบาๆ ที่หลังของเธอดังเดิม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตูที่ห้องรับรอง เขาจึงได้หยุดการกระทำของตนเองลง แต่ยังคงวางมือเอาไว้บนหลังของมายมิ้นท์ไม่ได้ยกออก
ผู้ที่อยู่ด้านนอกประตูดูเหมือนจะรู้ว่าเปปเปอร์คงไม่ตอบกลับ หลังจากเคาะประตูอยู่สองครั้งก็ได้เปิดประตูออก
เป็นตำรวจหญิงเมื่อสักครู่นั่นเอง
ตำรวจหญิงคนนั้นยืนอยู่ด้านนอกประตูแล้วโผล่ศีรษะเข้ามาพูดว่า “ประธานเปปเปอร์คะ คุณพัดชามาถึงแล้ว”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของเปปเปอร์ก็ดูเกร็งขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาประกายวาบแต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วแล้วพยักหน้า “ทราบแล้วครับเดี๋ยวผมจะรีบออกไป”
“ค่ะ” ตำรวจหญิงยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วหดศีรษะของตนกลับไป
ภายในห้องรับรอง เปปเปอร์ก้มลงมองหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของตน ดวงตาของเขาดูมืดมนคล้ายกับกำลังลังเลว่าควรจะปลุกเธอดีหรือไม่
เนื่องจากว่าพัดชาเดินทางมาถึงแล้ว
แต่ถ้าจะให้ปลุกเธอขึ้นมา เขาก็ทำไม่ลง
เนื่องจากเธอหลับได้ดูสบายเหลือเกิน
ท้ายที่สุดแล้วหลังจากที่เปปเปอร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ได้ตัดสินใจยังไม่ปลุกมายมิ้นท์ให้ตื่น
เรื่องเช่นนี้เขาสามารถจัดการเองได้
เมื่อคิดดังนั้น เปปเปอร์ก็ค่อยๆ ยกศีรษะของมายมิ้นท์ขึ้น เพื่อนำศีรษะของเธอออกจากตักเขา
หลังจากยกขึ้นได้ระดับความสูงเล็กน้อย เขาเองก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างโซฟาเอื้อมมือไปคว้าหมอนมาใบหนึ่งจากตำแหน่งที่เขานั่งเมื่อสักครู่ แล้ววางศีรษะของเธอลงบนหมอน ไม่ลืมที่จะจัดผ้าห่มของเธอให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ทุกการเคลื่อนไหวของเขาอาจไม่ได้เสียงดัง แต่ก็ไม่เบาจนเกินไป
เพียงแต่บัดนี้มายมิ้นท์หลับลึกมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตื่นขึ้น เธอเอาศีรษะถูกับหมอนแล้วหลับต่อ
เปปเปอร์ยืนอยู่ข้างโซฟา เขาขยับแขนขาที่เมื่อยล้าและมองไปยังเธอด้วยความอ่อนโยน
เมื่อได้เห็นท่าทางของเธอที่นอนหลับสนิทเช่นนี้ ต่อให้เขาจะต้องอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลาถึงสองชั่วโมง ส่งผลให้เนื้อตัวแข็งทื่อจนปวดเมื่อย แต่เขาก็คิดว่ามันคุ้มค่า
การที่เขารักเธอก็ควรจะหมอบทุกสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอไม่ใช่เหรอ?
เปปเปอร์นวดแขนของเขาแล้วก้มลงจูบไปที่แก้มของเธอ ก่อนจะหันหลังเดินไปทางประตู
หลังจากเดินออกไปที่ประตูแล้วพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนนั้นยังคงอยู่ที่เดิม
เมื่อเห็นว่าเปปเปอร์เดินออกมาคนเดียวเธอก็มองเข้าไปด้านในด้วยความประหลาดใจ
เธอพบว่ามายมิ้นท์ยังคงนอนหลับอย่างสบายอยู่บนโซฟา จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “ประธานเปปเปอร์คะ คุณมายมิ้นท์ไม่มาเหรอ?”
“เธอนอนหลับอยู่ ปล่อยให้เธอนอนไปเถอะผมจัดการเองได้” เปปเปอร์ปิดประตูเบาๆ แล้วพูดขึ้น
ตำรวจหญิงพยักหน้าโดยไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก ในใจเธอยิ่งรู้สึกอิจฉามายมิ้นท์มากขึ้น
อิจฉาที่มายมิ้นท์พบเจอกับผู้ชายดีๆ เช่นนี้
ถ้าเธอมีแฟนที่ดีแบบนี้ได้จะวิเศษขนาดไหนกันนะ?
น่าเสียดายเหลือเกิน มันยากยิ่งนัก!
ตำรวจหญิงถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหน้า ก่อนจะกำจัดความคิดอันยุ่งเหยิงเหล่านี้ทิ้งไปแล้วกลับสู่โหมดการทำงานอันจริงจังของเธอ
“ประธานเปปเปอร์คะ เชิญทางนี้ค่ะ” ตำรวจหญิงทำท่าทางเชิญเปปเปอร์ด้วยท่าทางจริงจัง
เปปเปอร์พยักหน้าแล้วเดินไปอีกด้านหนึ่งตามหลังเธอ
ขณะนั้นพัดชากำลังบันทึกเสียงอยู่ในห้องให้ปากคำ
เนื่องจากว่าชายที่อยู่ในห้องสอบสวนยังไม่ได้ให้คำรับสารภาพกับตำรวจอย่างชัดเจนว่าพัดชาเป็นคนบงการ ดังนั้นตอนนี้พัดชาจึงกลายเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ด้วยเหตุนี้จึงยังไม่ถึงขั้นที่ต้องพาตัวเธอไปยังห้องสอบสวนเพื่อสอบสวน
ด้วยเหตุนี้เองเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่อาจส่งพัดชาเข้าไปในห้องสอบสวนได้ จึงทำได้เพียงพาเธอไปยังห้องบันทึกเสียงเพื่อให้ปากคำโดยละเอียดเท่านั้น
ตอนที่เปปเปอร์เดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เธอดูรูปภาพของชายที่อยู่ในห้องสอบสวนเพื่อถามว่าพัดชารู้จักเขาหรือไม่
เมื่อพัดชาเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่ายหน้าแล้วตอบอย่างสงบว่า “ไม่รู้จัก”
“จริงเหรอครับ?” เปปเปอร์หรี่ตาลงแล้วเอ่ยปากขึ้น
ทุกคนจึงหันไปมองทางประตู
เมื่อเห็นเขาเข้ามาและแทรกแซงคำพูดโดยยังไม่ได้รับอนุญาต แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้แสดงถึงความไม่พึงพอใจอย่างใดออกมา กลับกันพวกเขากลับลุกขึ้นยืนแล้วทักทายขึ้นว่า “สวัสดีครับประธานเปปเปอร์”
หลังจากที่เปปเปอร์พยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก็ละสายตาหันไปมองพัดชาที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะ ดวงตาของเขาช่างเย็นชา เต็มไปด้วยแรงอาฆาตอย่างไม่อาจปกปิดได้
สำหรับสายตาที่เปปเปอร์มองมานั้นทำให้พัดชาใบหน้าซีดเผือด ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ผู้ชายคนนี้ใช้แววตาอาฆาตมองมาที่เธอได้อย่างไร
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้แววตาที่เขามองเธอ ล้วนเต็มไปด้วย......
พัดชากัดริมฝีปากแล้วรู้สึกทั้งโมโหทั้งไม่เต็มใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว