เปปเปอร์ขยับริมฝีปากอันบางเบาของตน เขาพูดอะไรไม่ออก
เป็นจริงดังนั้น เนื่องจากเธอมีความแค้นส่วนตัวกับส้มเปรี้ยว ดังนั้นคนที่น่าสงสัยมากที่สุดก็คงจะเป็นส้มเปรี้ยวเพียงคนเดียว
“เรื่องนี้ผมจะตรวจสอบให้ชัดเจนเอง” เปปเปอร์ยักไหล่ แล้วสวมเสื้อ
มายมิ้นท์มองไปที่เขาด้วยท่าทางอันไร้อารมณ์ “ถึงจะตรวจสอบออกมาอย่างชัดเจนแล้วยังไงล่ะ ถ้าเรื่องนี้ส้มเปรี้ยวเป็นคนทำจริงๆ คุณจะทำยังไงกับเธอ?”
ดวงตาของเปปเปอร์มืดมนลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ส้มเปรี้ยวแน่”
“เหอะๆ!” มายมิ้นท์หัวเราะเยาะ “การที่คุณไม่อาจตอบฉันมาได้ตรงๆ นั่นก็เพราะแม้แต่ตัวคุณเองก็ยังไม่เคยคิดคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมล่ะ!”
ดวงตาของเปปเปอร์เป็นประกาย “ถ้าส้มเปรี้ยวทำเรื่องนี้จริงๆ ผมจะให้เธอมาขอโทษคุณ”
“ขอโทษอีกแล้วเหรอ?” มายมิ้นท์กลอกตา
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง?”
“ก่อนหน้านี้ มีคนบอกว่าฉันเข้ามาแทรกแซงระหว่างคุณและคุณส้มเปรี้ยวเมื่อหกปีก่อน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าฉันไม่ทำแบบนั้นก็คงจะผิดวัตถุประสงค์คนที่ปล่อยข่าวไปน่ะสิ ดังนั้นสิ่งที่ฉันต้องการมันง่ายมาก ถ้าในที่สุดแล้วตรวจสอบออกมาพบว่าส้มเปรี้ยวเป็นคนทำ ฉันต้องการให้คุณและส้มเปรี้ยวไม่อาจอยู่ด้วยกันได้ไปตลอดชีวิต”
มายมิ้นท์มองไปที่เขาด้วยสายตาอันเยือกเย็น “เปปเปอร์ คุณกล้าตอบตกลงฉันไหมล่ะ?”
ดวงตาของเปปเปอร์หรี่ลงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ “คุณจะต้องทำอย่างนี้ให้ได้เลยใช่มั้ย?”
“คุณไม่กล้าเดิมพันใช่ไหมล่ะ?” มายมิ้นท์ถามกลับ
เปปเปอร์กำมือแน่นแล้วขมวดคิ้ว “ก็ได้ ผมสัญญา”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอให้คุณจำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดี เมื่อถึงเวลาแล้วอย่ากลับคำล่ะ!” มายมิ้นท์พูดจบก็ใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองเดินจากไป
เธอจำคำที่ลาเต้กำชับได้อย่างดี ดังนั้นจึงไม่ได้เดินออกไปจากทางประตูหน้า กลับเดินไปทางด้านหลังของโรงยิม ขณะเดียวกันก็ได้โทรศัพท์เรียกคนขับรถให้มารับเธอตรงประตูด้านหลัง
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเดินมาถึงทางประตูหลังก็ยังคงถูกรายล้อมไปด้วยสื่อกลุ่มหนึ่ง
“คุณมายมิ้นท์คะ คุณช่วยตอบหน่อยได้ไหมคะว่าสิ่งที่บนโลกอินเทอร์เน็ตพูดถึงตอนนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่? เมื่อหกปีก่อน คุณเข้าไปแทรกกลางระหว่างประธานเปปเปอร์และคุณส้มเปรี้ยว จากนั้นจึงใช้กลยุทธ์บีบบังคับเพื่อที่จะได้แต่งงานกับประธานเปปเปอร์จริงหรือไม่คะ?”
“คุณมายมิ้นท์คะ คุณไม่เต็มใจที่จะหย่ากับประธานเปปเปอร์และพยายามจะแย่งประธานเปปเปอร์กลับมาใช่หรือไม่?
คุณทำอย่างนี้จะไม่ผิดต่อประธานลาเต้เหรอคะ?”
“คุณมายมิ้นท์คะ……”
เมื่อเผชิญกับคำถามมากมายราวกับกระสุนปืนเช่นนี้ จู่ๆ มายมิ้นท์ก็รู้สึกว่าสมองของเธอมึนงงสับสน และตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขออภัยนะคะ ตอนนี้ฉันขอไม่ตอบคำถามพวกคุณทั้งสิ้น”
“คุณมายมิ้นท์คะ ที่คุณตอบไม่ได้เพราะรู้สึกละอายหรือ?”
มายมิ้นท์หรี่ตาลงมองนักข่าวคนนี้ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ถ้าคุณคิดว่าฉันรู้สึกละอายใจแล้วคุณยังกล้าเข้ามาถามฉันแบบนี้อีกเหรอ หน้าด้านเกินไปหรือเปล่าคะ?”
“……” นักข่าวคนเมื่อครู่หน้าแดงเรื่อเมื่อถูกมายมิ้นท์ตำหนิออกมาเช่นนั้น เธอรู้สึกว่าช่างขายหน้าเหลือเกิน แววตาเผยถึงความเคียดแค้น
มายมิ้นท์เองก็ดูออก แต่เธอไม่อยากจะไปสนใจอะไร จึงทำเพียงละสายตากลับมาและพูดด้วยความเยือกเย็นว่า “ขอทางหน่อยค่ะ ฉันต้องไปแล้ว”
นักข่าวกลุ่มนี้ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ ไม่เพียงแต่จะไม่หลีกทางให้ อีกทั้งยังใช้อุปกรณ์บันทึกภาพส่องไปยังใบหน้าของเธอ หรือแม้กระทั่งบางคนก็กำลังถ่ายทอดสดอยู่ด้วย
สำหรับผู้คนที่รับชมถ่ายทอดสดอยู่นั้นก็ได้พิมพ์คอมเม้นเข้ามาไม่หยุดหย่อน
“แหม เย่อหยิ่งเหลือเกินนะ! เข้าไปแทรกความรักของคนอื่นเขา แล้วยังไปรังควานอดีตสามีอีก ทำเป็นมีเหตุมีผล
“นั่นน่ะสิ เธอเริ่มร้อนตัวแล้ว!”
“มองไปก็สวยดี ทำไมจิตใจถึงโหดร้ายขนาดนี้นะ?”
เมื่อมายมิ้นท์เห็นว่ากลุ่มนักข่าวเหล่านี้ไม่ยอมหลบไปง่ายๆ เธอก็รู้สึกโกรธเคืองใจขึ้นมา กำมือและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ค่ะฉันจะแจ้งความ มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งล้อมฉันไว้ พวกเขาไม่ยอมให้ฉันขยับเขยื้อนไปไหน และยังทำให้ขาข้างหนึ่งของฉันได้รับบาดเจ็บด้วย ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงยิมใจกลางเมือง พวกคุณได้โปรดรีบมาโดยเร็วนะคะขอบคุณมากๆ!”
เมื่อพูดจบเธอก็วางโทรศัพท์มือถือลง
บรรดานักข่าวต่างพากันตกตะลึงและจ้องไปที่มายมิ้นท์อย่างเหลือเชื่อ
“คุณมายมิ้นท์ คุณแจ้งตำรวจอย่างงั้นเหรอคะ?”
“พวกคุณเข้ามาล้อมฉันเอาไว้แบบนี้ ฉันแจ้งตำรวจไม่ได้หรือไง?” มายมิ้นท์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความโมโห บรรดานักข่าวชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจว่า
“แล้วทำไมคุณถึงบอกกับทางตำรวจเรื่องขาที่ได้รับบาดเจ็บล่ะคะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราสักหน่อย!”
“นั่นนะสิ”
บรรดาผู้ชมที่ชมไลฟ์สดอยู่นั้นก็รู้สึกว่ามายมิ้นท์ทำเกินไป เธอถึงกับใส่ร้ายผู้อื่น
มายมิ้นท์ส่งเสียงหึๆ ออกมาอย่างเย็นชา “ก็จริงอยู่ว่าขาของฉันไม่ได้บาดเจ็บเพราะถูกพวกคุณทำร้าย แต่การที่พวกคุณเข้ามารุมล้อมฉันเอาไว้ไม่ให้ฉันไปไหนแบบนี้ ถ้าฉันบอกว่ามีหนึ่งในพวกคุณทำให้ฉันเป็นแบบนั้น แล้วใครมีหลักฐานไหมล่ะคะว่ามันไม่ใช่?”
เมื่อเธอพูดประโยคนี้ออกมาบรรดาสื่อต่างๆก็เริ่มถอยห่างออกไป
ทุกคนเดินทางมาที่นี่เพื่อสัมภาษณ์ทำข่าว แต่หากว่าทำผู้ให้สัมภาษณ์ได้รับบาดเจ็บและยังบอกว่าเป็นฝีมือของพวกเขา ส่วนพวกเขาไม่อาจจะปฏิเสธได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คงต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...