รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 923

ถึงแม้ว่าสายตาของคุณนายราศรีที่มองสำรวจมาที่เขาจะแฝงไว้ด้วยความวิเคราะห์ และแฝงความสงสัยไว้ต่าง ๆ นานา ตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าขุ่นเคืองหรือว่าไม่พอใจอะไร

ก่อนที่จะมา ซึ่งก็คือช่วงเวลาตอนสาย อยู่ที่บริษัทเขาได้เรียกเลขาหลายคนที่เคยแต่งงานแล้วมาที่ห้องทำงานเขาโดยเฉพาะ เพื่อจะถามพวกเขาว่า ครั้งแรกที่ไปเจอพ่อตาแม่ยายจะเจอสถานการณ์อะไรบ้าง แล้วพอพบเจอแล้ว ก็ควรจะรับมือยังไงถึงจะไม่เกิดเรื่องผิดพลาด

เลขาหลายคนบอกเขาว่า พ่อตาแม่ยายก็เหมือนกับพ่อสามีและแม่สามี ล้วนต้องมีการทดสอบสักหน่อยให้กับลูกเขยหรือลูกสะใภ้ที่มาบ้านครั้งแรก เพื่อจะทดสอบว่าคนคนนี้เหมาะสมกับลูกชายหรือลูกสาวตัวเองหรือเปล่า

แล้วบททดสอบส่วนใหญ่ของพ่อตาแม่ยายหรือพ่อแม่สามีพวกนี้ ด่านแรกก็คือการมองสำรวจ มองสำรวจรูปลักษณ์ภายนอกของฝ่ายชายหรือว่าฝ่ายหญิง

ถ้ารูปลักษณ์ภายนอกผ่าน งั้นโอกาสที่จะได้รับการยอมรับจากพวกเขาก็สำเร็จไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว

และด้วยเหตุนี้ เปปเปอร์จึงรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าตัวเองจะถูกคุณนายราศรีและสามีมองสำรวจ แล้วก็เตรียมตัวที่ถูกมองสำรวจมาแล้ว

นี่ก็เลยทำให้ พอคุณนายราศรีมองสำรวจมา เขาก็เลยยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่งมาก และปล่อยให้เธอมองสำรวจไป

เขามั่นใจในรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองมาตลอด พูดตามตรงว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถเทียบเขาได้หรอก

แน่นอนว่า ไม่นับอีธานที่หน้าตาเหมือนกับผู้หญิงคนนั้น

ผลปรากฏว่า พอคุณนายราศรีมองสำรวจไปแล้ว ถึงแม้ว่าทั้งตัวจะดูเหี่ยวเฉาไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้พูดว่ารูปลักษณ์ของเขามีปัญหาตรงไหน หรือมีส่วนไหนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ความงามของเธอเลย

นี่ก็สามารถบอกได้ว่า ด่านรูปลักษณ์ภายนอกนี้ ถือได้ว่าเขาได้สอบผ่านแล้ว

คุณนายราศรีหาข้อผิดพลาดอะไรไม่เจอ งั้นแผนการแรกก็ถือได้ว่าสำเร็จแล้ว

คิดแล้ว เรียวปากของเปปเปอร์ก็คลี่ยิ้มขึ้นมา จากนั้นก็มองเห็นมายมิ้นท์ที่อยู่ข้างกายคุณนายราศรี แอบชูนิ้วโป้งขึ้นมาให้เขาอันหนึ่ง

พอเห็นภาพแบบนี้ รอยยิ้มของเปปเปอร์ ก็ยิ่งเด่นชัดมากยิ่งขึ้น “คุณป้าราศรี มองเสร็จหรือยังครับ? การแต่งกายของผมที่ใส่มาวันนี้ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ?”

ความหมายที่แอบแฝงอยู่ในคำพูดก็คือจะถามว่า คนอย่างเขานี้ น่าจะทำให้เธอพึงพอใจเป็นอย่างมากเลยซินะ

ในเมื่อคำพูดแบบนี้มันพูดออกมาตรง ๆ ได้ยาก ดังนั้นจึงใช้การแต่งกายมาถามแทน

แต่ความหมายนั้น ทุกคนต่างก็รู้

พอคุณนายราศรีได้ยินคำถามของเปปเปอร์ ก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่แค่ทำเสียงหึใส่เขาเล็กน้อย แล้วก็ลากตัวมายมิ้นท์ไปกะหนุงกะหนิงขึ้นมา “มิ้นท์ ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่งแล้ว ทำไมถึงผอมไปมากขนาดนี้? มีใครบางคนไม่ดีกับหนูหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าใช่ หนูก็บอกป้ามานะ ไม่ว่ายังไงป้าก็ต้องยืนข้างหนูแน่ ๆ!”

พูดแล้ว เธอก็เหล่มองไปที่เปปเปอร์อย่างมีความหมายแอบแฝงทีหนึ่ง

เปปเปอร์ยักคิ้วขึ้นมาทีหนึ่ง

ได้ การทดสอบขั้นที่สองเริ่มต้นขึ้นแล้ว

พวกเลขาของเขาเคยบอกไว้ว่า หลังจากที่รูปลักษณ์ผ่านด่านแล้ว พ่อตาแม่ยายหรือพ่อแม่สามี ก็จะเริ่มหลอกถามจากลูกสาวหรือลูกชายของตัวเอง จะถามพวกเขาว่าอีกฝ่ายดีกับพวกเขาหรือเปล่า แล้วถึงพวกเขาจะรู้ว่าคู่ของลูก ๆ ของพวกเขาดีกับลูก ๆ ของพวกเขามาก

แต่พวกเขาก็ยังจะตั้งใจพูดคำพูดข่มขู่คู่ของลูก ๆ พวกเขาออกมาเล็กน้อย เพื่อที่จะต้องการทดสอบนิสัยและอารมณ์ของคู่ของลูก ๆพวกเขา

ถ้าเกิดว่านิสัยและอารมณ์ของคู่ของลูก ๆ พวกเขาไม่ดี ทะนงตนมากเกินไป ก็ไม่มีทางที่จะรับได้คำพูดแบบนี้ได้ แล้วก็คงจะจากไปเลย แบบนั้นพ่อแม่อย่างพวกเขา ก็ถือได้ว่าช่วยลูก ๆ ของพวกเขาดูคนชั่วคนหนึ่งออกได้เลย

แต่ถ้าเกิดว่าคู่ของลูก ๆ พวกเขามีนิสัยและอารมณ์ที่ดีมาก จะต้องไม่มีทางรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้มีปัญหาอะไรแน่นอน จะรู้สึกแต่ว่าเป็นธรรมดามาก ในเมื่อคนที่เป็นพ่อแม่เป็นห่วงว่าลูก ๆ จะโดนรังแก ก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

ขอแค่คนที่ลูก ๆ ของพวกเขาหามาเป็นคนดี และพึ่งพาได้ ก็จะไม่มีทางไม่พอใจกับคำพูดพวกนี้ และจะยิ้มอย่างสงบนิ่ง แล้วก็จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งต่อจากนี้ไปอย่างไม่มีแรงกดดันอะไรในใจเลย

และตอนนี้เปปเปอร์ก็มีสภาพจิตใจแบบนี้

เขาปฏิบัติต่อสะระแหน่ เป็นแบบทุ่มเทให้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรให้รู้สึกผิด

ใช่เขานิสัยไม่ดีเท่าไหร่รัก แต่กับสะระแหน่นั้น ไม่มีอะไรให้พูดแน่นอน ผู้ชายที่อ่อนโยนที่สุดในโลก จะต้องเป็นเขาแน่นอน!

ทางด้านหนึ่ง พอได้ยินคุณนายราศรีถามคำถามกับตัวเอง มายมิ้นท์ก็รู้แล้วว่าคุณนายราศรีนั้นตั้งใจถามให้เปปเปอร์ได้ยิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว