“คืนที่สองก็คิดจะผิดสัญญาแล้วงั้นเหรอ?” เสียงเรียบนิ่งปนอันตรายของเย่เซียวดังแว่วมาจากอีกฝั่ง น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจต้อนถามความผิดจากอีกฝ่าย
เธอเริ่มได้สติกลับมาบ้างแล้วรู้ว่าคืนนี้ตัวเองผิดนัดเขา
เธอตั้งใจ
ร่างกายปวดร้าวเกินไป…
ความรู้สึกที่เหมือนถูกฉีกทึ้ง บดขยี้อย่างนั้นไม่อยากจะย้อนนึกมันเลยจริงๆ
“ฉัน…เมานิดหน่อย” เธอสางผมไปด้านหลัง สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “คืนนี้อาจจะ…”
“ครึ่งชั่วโมง”เย่เซียวพูดขัดเธอ “หลังครึ่งชั่วโมงถ้าผมไม่เห็นคุณอยู่ที่นี่ หนังสือสัญญาความร่วมมือของผมกับซ่งกั๋วเหยาจะเกิดผลทันทีในวันพรุ่งนี้!”
ไม่ให้โอกาสเธอได้พูดอะไรด้วยซ้ำเย่เซียวก็ชิงตัดสายไปก่อน
ไป๋ซู่เย่กำโทรศัพท์ฟังเสียง ‘ตู๊ดๆ’ หลังวางสายที่แสนเยือกเย็น ผ่อนลมหายใจหนักๆ ลุกขึ้นยืน ต่อให้เมาขนาดไหนเธอก็ไม่มีทางลืมเรื่องหนังสือสัญญานั่นได้ ถอดรองเท้าส้นสูงออกกลับไปทานยาแก้เมาในห้องของตัวเองก่อนใช้น้ำเย็นล้างหน้า ความเย็นของน้ำเรียกสติเธอกลับมาไม่น้อย มองตัวเองที่เครื่องสำอางเลอะเลือนในกระจกก็รู้สึกว่าทั้งโทรมทั้งน่าสงสาร
……………………
อีกฟากหนึ่ง
“นายท่าน ยังไม่นอนหรือคะ?” ขณะที่คนรับใช้เดินผ่านห้องนั่งเล่นก็เห็นเขายังพลิกหนังสือพิมพ์บนโซฟาอยู่
เย่เซียวปิดหนังสือพิมพ์พับแขนเสื้อขึ้นดูเวลาแวบหนึ่ง เข็มยาวชี้ไปที่เลขหนึ่ง! ตรงเวลา!
ดีมาก!
ผู้หญิงคนนี้สายแล้ว!
แล้วยังสายไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ!
“นายท่านกำลังรอใครอยู่งั้นหรือคะ?” คนรับใช้ถามด้วยความสงสารเพราะปฏิกิริยาของเขา
“เปล่า!”ปากบางขยับแล้วพ่นคำเย็นชาออกมาสั้นๆ โยนหนังสือพิมพ์ไว้บนโต๊ะเตี้ยก่อนลุกขึ้นเดินไปชั้นบน เดินได้ถึงครึ่งทางหันกลับมาพูดสั่ง “ล็อกประตูซะ คืนนี้ไม่ว่าใครจะเคาะประตูก็อย่าปล่อยเข้ามา!”
“หา? ค่ะ” คนรับใช้แปลกใจมาก ตีหนึ่งแล้วหรือว่าจะมีแขกมาอีก? แต่ย่อมไม่กล้าถามไปมากกว่านี้จึงได้แต่ตอบรับไปตามนั้น
……………………
ไป๋ซู่เย่รอให้ตัวเองมีสติมากขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนแล้วแต่งหน้าเพิ่มให้ตัวเองอย่างพึงพอใจ ฉีดน้ำหอมเสร็จก็เป็นเวลาตีสองแล้ว
เธอขับรถไปหาเย่เซียวด้วยตัวเอง
ตอนติดไฟแดงเห็นสภาพที่ผ่านการตบแต่งอย่างดีจากกระจกหน้าก็ยิ้มน้อยๆ ผ่านไปสิบปีแล้วกลับยังหวังที่จะเหลือภาพลักษณ์ที่ดีไว้ในใจเขาอีก คราวก่อนที่อาเจียนไม่เป็นท่าที่เขานั่นมันแย่มาก!
เธอจับผมที่ม้วนเป็นลอนบนบ่าตัวเองแล้วนึกถึงตอนที่ตัวเองผมยาวสลวยดำขลับเมื่อสิบปีก่อนก็รู้สึกใจหายวาบ
กลางดึกบนถนนไม่มีรถอะไรมาก รอไปถึงที่พักของเย่เซียวก็ตีสามกว่าแล้ว
ยามตรวจเวรได้ตรวจค้นตัวเธอรอบหนึ่งก่อนจะเก็บกุญแจรถเธอไว้อย่างรอบคอบถึงขับรถไปที่โรงจอดรถตามกำหนด
ตอนนี้เย่เซียวน่าจะนอนไปแล้วสินะ
เธอกดกริ่งประตู
แต่กริ่งดังอยู่พักใหญ่ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวจากข้างในเพียงนิด นั่นสินะ ดึกขนาดนี้แล้วแม้แต่คนรับใช้ก็คงนอนไปแล้วล่ะ
เย่เซียวนอนอยู่บนเตียงตั้งแต่ตีหนึ่งแต่จนตีสามก็ยังนอนไม่หลับ
ฉะนั้นรอเสียงกริ่งประตูดังขึ้น เขาก็เบิกตาโพลงแทบทันที คว้าโทรศัพท์มาดูเวลา ตีสามยี่สิบห้านาที เวลาทำให้เขาหน้าถมึงทึง
เขาเลิกผ้าห่มออกลงจากเตียง เปิดประตูห้องย่ำเท้าเดินออกไป
เขาควรสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ดีๆ ว่าอะไรคือการตรงต่อเวลา!
แต่ยังไม่ทันลงไปชั้นล่างก็ได้ยินเสียงประตูเปิด ‘แกร๊ก’ ตามด้วยเสียงของคนรับใช้
“คุณไป๋”คนรับใช้เปิดประตู พอเห็นไป๋ซู่เย่ที่ยืนอยู่นอกประตูกลับนิ่งไปชั่วขณะ ที่แท้ยังมีแขกมาเยี่ยมเยียนกลางดึกจริงๆ ด้วย
อีกฝ่ายกวาดมองเธอจากหัวจรดปลายเท้าก็เข้าใจทันที ผู้หญิงสมัยนี้ไม่รู้จักยางอายเสียแล้ว มาบ้านผู้ชายดึกดื่นแล้วยังแต่งตัวสวยขนาดนี้ พอจะคิดได้แล้วว่ามีเป้าหมายอะไร ใจกล้าถึงขนาดไม่คิดถึงใจของคุณนายในบ้านอีกด้วย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!