เธอถามเขาว่า “คุณลงที่ไหน?”
“โยนผมลงหน้าร้านขายรถแบรน์ดังสักร้านที่ยังไม่ปิดก็พอ”
รถยนต์ที่เพิ่งซื้อมาไม่ถึงหนึ่งเดือนให้คนอื่นไปแล้ว ตอนนี้ก็ทำได้แค่ซื้อคันใหม่
ไป๋ซู่เย่ชินชากับนิสัยสบายๆ ของเขาแบบนี้อยู่แล้วจึงไม่ได้ว่าอะไร
“คุณไม่อยากถามหน่อยหรือว่าสิบปีนี้เย่เซียวเป็นยังไงบ้าง?” ถังซ่งหาอีกประเด็นคุยให้เธอ
ไป๋ซู่เย่กระชับมือที่จับพวงมาลัยรถแน่นขึ้น
จะอย่างไรได้ล่ะ?
เมื่อนั้นเขาสูญเสียลูกน้องตั้งมากมาย เขาไม่มีทางทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ความจริงผมรู้สึกว่าคุณใจร้ายจริงๆ นะ ตอนนั้นกวาดล้างลูกน้องที่ถือว่าเก่งกาจที่สุดของเขาไป และครั้งนั้นโยวหมิงฉวยโอกาสที่เขาบาดเจ็บทรยศหักหลังเขา เจอการหักหลังสองครั้งติด ความรู้สึกเป็นยังไงผมจะไม่พูดแล้วกัน แต่ต่อหน้าลูกน้องทุกคน การเกิดเรื่องแบบนี้ติดๆ กันต้องไถ่โทษด้วยความตาย ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนคุกเข่าขอร้องเขาไว้ตอนนั้น คิดว่าลูกกระสุนสามนัดของเขาคงยิงฝังกะโหลกตัวเองไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เย่เซียวในตอนนี้จะเหลือเพียงเถ้ากระดูก” ขณะถังซ่งกล่าวอยู่น้ำเสียงพลันหนักอึ้งขึ้นอย่างมาก ไม่ได้มีท่าทีขี้เล่นเหมือนสักครู่เลย
“แต่สุดท้ายกระสุนพวกนั้นก็ฝังในตัวเขาอยู่ดี ทะลุท้องไส้ ผมช่วยเขาอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืนถึงลากเขากลับมาจากประตูนรกได้ เขานี่ตายยากจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงตายไปแล้ว!”
ผ่านไปนานขนาดนี้แต่เวลาถังซ่งพูดขึ้นก็ยังเปลี่ยนน้ำเสียงไปจากเดิม สภาพย่ำแย่ของเซียวในตอนนั้นคงเป็นภาพที่โหดร้ายยามนึกถึงเสมอ
ไป๋ซู่เย่เพิ่งเคยได้ยินเรื่องเมื่อสิบปีก่อนเป็นครั้งแรก เธอไม่กล้าถาม ไม่กล้าสืบ เพราะกลัวได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้วตัวเองจะยิ่งรู้สึกผิด
มือที่จับพวงมาลัยสั่นไหวอย่างรุนแรง เธอรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว
เหยียบเบรกกะทันหันก่อนเทียบจอดรถไว้ข้างทาง
“คุณลงไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก”
สิ่งที่ควรพูดได้พูดหมดแล้วถังซ่งย่อมไม่อยู่นานไปกว่านี้ ปลดเข็มขัดนิรภัยเปิดประตูรถ นึกบางอย่างได้ก็หันกลับมามองเธอแวบหนึ่ง “คุณอย่าโทษว่าเย่เซียวกับพวกหยูอันเกลียดคุณเลย ความจริงผมก็เกลียดคุณเหมือนกัน”
ไป๋ซู่เย่ขยับปากอยากพูดอะไรแต่เหมือนมีของบางอย่างอุดไว้ตรงลำคอ ให้เธอพูดอะไรไม่ออก
ประตูรถถูกปิดลง
ไฟภายในรถดับสนิท
เธอนั่งอยู่ในรถด้วยความรู้สึกเย็นไปทั้งตัว
เย็นยะเยือก…
นอกหน้าต่างมีแสงไฟของรถยนต์ที่สัญจรไปมาส่องผ่านใบหน้าเธอ มีเพียงสีขาวหม่น เธอซบบนพวงมาลัยใช้มือกุมหน้าอกไว้อย่างแรง
ตรงนั้น เริ่มปวดอีกแล้ว…
หลายปีก่อนตอนเพิ่งกลับมาใหม่ๆ เป็นช่วงเวลาที่หัวใจของเธอเจ็บปวดมากที่สุด คุณหมอหาสาเหตุไม่พบ ต่อมาจึงส่งเธอไปพบจิตแพทย์ถึงดีขึ้นหน่อย
หลายปีมานี้ดีขึ้นมากและแทบไม่เคยเจ็บอีกเลย แต่วันนี้จู่ๆ ก็กำเริบเสียได้…
…………………………
ไป๋ซู่เย่นั่งอยู่ในรถนิ่งๆ สามชั่วโมงกว่า ความเจ็บตรงหัวใจถึงบรรเทาลง
ผ่านไปพักใหญ่เธอล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าออกมาอยากโทรหาเย่เซียว แต่เพิ่งสังเกตว่าเธอไม่มีเบอร์โทรของเย่เซียวด้วยซ้ำ
ยังดีที่มีเบอร์บ้านเขา
เธอกดโทรออก หัวใจบีบแน่นจนรู้สึกเจ็บตอนได้ยินเสียงรอสายดัง ‘ตู๊ดๆ’
“ฮัลโหล”
“น้าหลี่”ไป๋ซู่เย่สูดหายใจเฮือกใหญ่เพื่อให้น้ำเสียงตัวเองฟังดูปกติ “เย่เซียว กลับมาหรือยัง?”
“ค่ะ วันนี้นายท่านกลับมาเร็วมาก แต่ว่า…แค่อารมณ์ไม่ดีมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“วานคุณบอกเขาแทนฉันทีว่าคืนนี้ฉันไม่กลับไปที่นั่นแล้วนะ”
“อา งั้นคุณอย่าเพิ่งวางค่ะ ตอนนี้ฉันจะไปบอกนายท่านก่อน ท่านยังไม่นอนเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!