พออาบน้ำเสร็จทั้งคู่ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นแต่นั่งแช่ในห้องหนังสือเหมือนเดิม เวลาค่อยๆ ผ่านไป รอเย่เซียวจัดการงานที่เหลือจนหมดก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางเธอโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงเธอเผลอหลับไปก่อนโดยใช้สองแขนกอดเข่า ตัวงอขุดคู้บนเก้าอี้และหันข้างน้อยๆ มายังทิศทางเขา ท่าทางหลับตานอนใสซื่อไร้พิษสง แตกต่างจากตอนปกติที่ใส่ชุดในเครื่องแบบอย่างสิ้นเชิง เย่เซียวนั่งพิงเก้าอี้หรี่ตามองเธออย่างหลงใหล จากนั้นก็ย่ำเท้าไปหาเธอเหมือนต้องมนต์
สายตาของเขาไล่กวาดไปตามใบหน้าดวงเล็กของเธอจรดที่พื้นที่ขาวเนียนที่แอบอยู่ใต้เส้นผมสยายตรงหลังคอ บนนั้นเต็มไปด้วยรอยจูบและรอยฟันของเขา ขับให้ดูวาบหวามและคลุมเครือหน่อยๆ
เขาเริ่มหายใจหอบพลางโน้มตัวลงจูบหลังลำคอระหงของเธอเบาๆ หนึ่งที ปากแตะกับผิวหอมอ่อนๆ สดชื่นของเธอจนรู้ตัวว่าเริ่มอยากได้มากกว่านั้นอย่างห้ามใจไม่ไหว ย่อตัวนั่งลงไปจ้องปากแดงอิ่มของเธอนิ่ง ปากที่ราวกับกลีบดอกไม้แสนน่ารัก และเหมือนของหวานน่าลิ้มลอง กำลังส่งกลิ่นเย้ายวนใจเขาจนยากจะห้ามใจ
สายตาลึกซึ้งมากขึ้น เร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
ลมหายใจหนักอึ้ง
ประกบจูบปากของเธอไว้อย่างไม่รอช้า สัมผัสนุ่มเหมือนขนมมาร์ชเมลโล่ที่เคยชิมในวัยเด็ก ต่อให้เย่เซียวมีความอดทนสูงมากแค่ไหนก็ต้องพ่ายแพ้แก่ไป๋ซู่เย่อยู่ดี! เขาพ่นลมหายใจไปทีก่อนจะเริ่มรุกล้ำโพรงปากเธอให้จูบนี้ลึกซึ้งมากกว่าเดิม ………………
ไป๋ซู่เย่สะลึมสะลือ รู้สึกเพียงมีความอุ่นร้อนบางอย่างโอบล้อมเธอไว้ เธอครางเสียงออกมาอย่างอดไม่ได้
“ตื่นแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มแหบของชายหนุ่มดังก้องอยู่ข้างหู เซ็กซี่จนน่าใจสั่น
เย่เซียว…
เธอเปิดเปลือกตาออก ใบหน้าหล่อเหลาของเย่เซียวห่างอยู่เพียงแค่คืบ ตอนนี้ความเย็นชาบนใบหน้านั้นถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่ปะทุขึ้นด้วยความรู้สึกหลงใหล
หัวใจของเธอเริ่มเต้นรัวอย่างควบคุมไม่อยู่ กลีบปากขยับอ้าเพราะรู้สึกลำคอแห้งผาก อยากจะพูดอะไรแต่สุดท้ายได้แค่พึมพำออกเสียงว่า “เย่เซียว…”
สองพยางค์นี้เคยถูกขานออกจากปากของคนนับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีใครจะเรียกกระตุ้นความรู้สึกเขาได้ขนาดนี้
ลมหายใจหนักอึ้ง เย่เซียวเชยปลายคางเธอขึ้นแล้วแนบปากทาบทับลงไปใหม่
อาจเป็นเพราะอดกลั้นมานาน สิบปีเต็มสินะ…ฉะนั้นทั้งคู่เหมือนคนที่พบเจอโอเอซิสกลางทะเลทราย พอฝ่ายหนึ่งแตะโดนปากของฝ่ายหนึ่งก็ลืมเลือนความทรยศหักหลังในอดีตไปชั่วคราว ความคาดหวังในตอนนี้มีเพียงต้องการให้อีกฝ่ายตอบสนองตนมากกว่านี้ ไป๋ซู่เย่เหมือนเรือลำเล็กที่ลอยคอกลางมหาสมุทร ถูกคลื่นความต้องการซัดกระหน่ำให้เธอแทบจมดิ่งลงไป เธอค่อยๆ คลายมือที่กอดเข่าเพื่อโอบคล้องลำคอเย่เซียวไว้โดยอัตโนมัติ เชิดใบหน้าเล็กตอบรับรสจูบของเขาอย่างไม่คิดจะห้ามใจ
ในหัวเย่เซียวตอนนี้ไม่มีความคิดใดๆ อาศัยอารมณ์ชั่ววูบคอยกัดทึ้ง ดูดดึงเธอหนักๆ กอดเธอไว้แรงๆ คล้ายจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว และเหมือนจะกอดเธอให้ฝังหลอมรวมเป็นร่างเดียวกับตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด
มือใหญ่ของเขาสอดเข้าใต้ร่มผ้าชุดนอนของเธออย่างไม่รอช้า
“อื้อ เย่เซียว…รอเดี๋ยว…ไม่นะ…” ไป๋ซู่เย่เกร็งตัวแน่นพลางกดมือเขาไว้ ปากของเธอผละออกห่างจากปากเขาเล็กน้อยขณะที่ดวงตาปริ่มน้ำ “ข้างล่างฉันยังมีแผล…”
“ผมรู้”เย่เซียวหายใจผิดจังหวะ ใช้ความอดทนระดับสิบถึงปรับน้ำเสียงตัวเองให้ฟังดูปกติขึ้นมาบ้าง “ผมจะทายาให้”
“ฉัน…ฉันทำเองได้”
“นั่งรออยู่ตรงนี้”เย่เซียวไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ ปล่อยเธอแล้วลุกเดินออกจากห้องหนังสือ
กระทั่งเขาเดินออกไปแล้วไป๋ซู่เย่ยังตัวอ่อนแรง กอดตัวเองโดยที่หายใจหอบหนักไปด้วย ความรู้สึกพลุ่งพล่านในร่างกายยังไม่สงบลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!