เย่เซียวหน้าเรียบตึง ก้าวเท้ายาวไปตรึงแขนเธอไว้ เธอหันหลังกลับมา เขาถลึงตาจ้องเธออย่างเย็นชา “ไป๋ซู่เย่ อย่าไม่รู้จักเจียมตัว! อย่าลืมนะว่าสัญญาของเรายังไม่จบ! ตอนนี้คุณยังเป็นของเล่นของผม ต้องโผล่หัวมาทุกครั้งที่เรียก!”
ประโยคท้ายเขากัดฟันพูดหนักๆ คล้ายอยากให้เธอจดจำให้ดี
หากพูดถึงสัญญาไป๋ซู่เย่ก็หมดคำจะถกเถียงเสมอไป หรืออาจพูดได้ว่าแค่อาศัยคำอ้างนี้ให้เธอได้ทำตามใจตัวเองบนความสัมพันธ์นี้สักหน่อยดี?
ชายแปลกหน้าเห็นท่าทางเธอเหมือนถูกคนรังแกก็อดที่จะเรียกร้องความยุติธรรมแทนไม่ได้ “คุณไม่เห็นหรือไงว่าเธอไม่ยอมกางร่มกับคุณ คุณ…”
“ไสหัวไป!” เย่เซียวตอบกลับผู้ชายคนนั้นเสียงเด็ดขาด
ตวัดสายตาดุดันที่เรียกให้คนรู้สึกเย็นยะเยือกจากก้นบึ้งของหัวใจได้มากกว่าสายฝนลมหนาวนี้เสียอีก ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนสองขาอ่อนแรง
ผู้ชายคนนี้แค่ดูก็รู้ว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา แค่ใบหน้าเย็นชาจนน่ากลัวนั่นก็แล้ว ขนาดตัวยังสูงกว่าเขาหนึ่งช่วงไหล่ หากต่อยกันจริงๆ ไม่มีความเป็นไปได้ที่เขาจะชนะสักนิด
คิดเท่านี้สุดท้ายชายแปลกหน้าได้แต่กางร่มเดินไปอย่างเชื่อฟัง
……………………
กลางสายฝน
เหลือแค่ไป๋ซู่เย่กับเย่เซียวสองคน
“คุณไปทานข้าวกับพวกเขาเถอะ ฉันไปนั่งรถไฟใต้ดิน” เสียงไป๋ซู่เย่อ่อนเพลียปนเหนื่อยล้า มีแผลบนหัวแล้วยังตากฝน ย่อมไม่มีทางรู้สึกดีอยู่แล้ว
เธอเหนื่อยมากจริงๆ ความเหนื่อยที่เหนื่อยมาจากใจ เธอไม่อยากทะเลาะกับเย่เซียวภายใต้สถานการณ์อย่างนี้อีก
เย่เซียวกลับทำเหมือนคร้านจะสนใจเธอ ดึงแขนเธอไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน ไป๋ซู่เย่กลัวว่าจะเจอคนของกองข่าวแล้วโดนถ่ายรูปไว้อีก มันไม่มีผลดีต่อใครแต่ก็ไม่ได้ขืนตัวแต่อย่างใด สุดท้ายปล่อยให้เขากระชากเดินไปข้างหน้า เธอมองแผ่นหลังหนาของเขาอย่างล่อยลอย
พวกเขาดูเหมือนจะอยู่ใกล้กันเพียงคืบ ใกล้เสียจนยื่นมือก็จับต้องสัมผัสได้ แต่กลับห่างไกลกันเหลือเกิน…
ความอบอุ่น ความสวยงามที่พวกเขาเคยมีด้วยกัน เป็นเพียงแค่ฟองสบู่เท่านั้น
แตะเบาๆ ก็สลาย…ไม่เหลือให้เป็นที่จดจำ…
……………………
อีกฟากหนึ่ง
บนโต๊ะอาหารเหลือเพียงน่าหลันกับถังซ่งสองคน
น่าหลันมองไปนอกหน้าต่างนิ่ง สเต๊กเนื้อตรงหน้าเย็นชืดหมดแล้วแต่เธอกลับไม่ขยับมีดส้อมเลย
ถังซ่งแอบก่นด่าเย่เซียวว่าไอ้เลว เพิ่งนั่งลงไม่ถึงสองนาทีก็หยิบร่มเดินไปโดยไม่คิดจะพร่ำบอกกันสักนิด ทำให้เขาต้องมาปลอบน้องสาวที่เศร้าโศกอยู่ตรงนี้
“ผมไม่เห็นคุณทานอะไรเลย ไม่ชอบหรือเปล่า? ถ้าไม่ชอบหยิบเมนูมาเปลี่ยนใหม่เป็นไง?” ถังซ่งเอ่ยปากโบกมือจะเรียกพนักงานมา
น่าหลันส่ายหัว “ช่างเถอะค่ะ ความจริงทานอะไรก็เหมือนกัน”
ไม่มีอารมณ์ ต่อให้ได้ทานของที่อร่อยมากแค่ไหนความจริงก็มีแต่รสชาติเหมือนเคี้ยวเทียน
ถังซ่งเองก็รู้ว่าเธอไม่มีความสุขถึงได้พยายามกระตุ้นบรรยากาศ “หรือว่าผมเล่นมายากลให้คุณดี ว่าไงล่ะ? สนุกนะ ผมเพิ่งเรียนมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!