คำซักถามที่น้ำเสียงเย็นชาทุกคำที่กล่าวออกมา
เขาจับแขนเธอไว้ทำให้เธอขืนตัวออกไม่ได้ เขากระชากก่อนจะพลิกตัวให้เธอมาอยู่ใต้ร่างแทน
ไป๋ซู่เย่อยากขัดขืนแต่พอโดนแผลบนหน้าอกของชายหนุ่มก็ไม่กล้าใช้แรงที่มืออีก ถึงอย่างนั้นเลือดสีแดงฉานยังคงซึมออกมานอกผ้าพันแผลไม่หยุด ย้อมผ้าพันแผลจากสีขาวกลายเป็นสีแดงในชั่วพริบตา
ภาพตรงหน้าช่างน่าตกใจนัก
“ยังกล้าโผล่มาตรงหน้าผมอีก คิดว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณจริงๆ หรือคิดว่าผมยังมีเยื่อใยกับคุณอีก?” ทุกคำที่เขาก่นเสียงคำรามออกมาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด หน้าอกที่บาดเจ็บอยู่กระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง แสดงออกถึงอารมณ์โทสะที่กำลังปะทุของเขาในยามนี้อย่างชัดเจน
“เย่เซียว คุณใจเย็นหน่อย!เข็มตรงหลังมือคุณ…” คำของเธอยังไม่ทันพูดจบ ลำคอระหงส์ก็ถูกเย่เซียวบีบไว้ด้วยมือเดียวก่อน
หัวเข็มที่เสียบคาหลังมือเขาเปลี่ยนทรงไปแล้วจนเนื้อบริเวณข้อพับแขนปูดโปนออกมา เขากลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร เส้นเลือดตรงแขนเต้นตุบตับ สีหน้าขรึมจนน่ากลัวคล้ายต้องการจะบีบคอเธอให้หักทันที
ไป๋ซู่เย่ไม่สามารถหายใจได้ มือคว้าจับมือของเขาไว้ด้วยสัญชาตญาณ ไอแรงๆ สองทีและได้ยินเพียงเสียงซักถามอย่างเย็นชาของเขา “กระทรวงความมั่นคงสั่งให้คุณมาใช่ไหม?”
ไป๋ซู่เย่เชยตาขึ้นมองเขา ความเกลียดชังจากแววตาเขาคล้ายจะทิ่มแทงเธอให้ตาย เธอหายใจกระชั้นชิด “ทางกระทรวงเคยให้ฉันมาจริงๆ แต่…”
“ตอนนี้เห็นผมไม่ตาย ผิดหวังมากใช่ไหม?” เย่เซียวหัวเราะประชด ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่เรียกให้คนเห็นเสียวสันหลังวูบ
มือที่บีบคอเธออยู่ยิ่งเพิ่มแรงมากกว่าเดิม “ไป๋ซู่เย่ เพื่อไม่ให้คุณได้กลับไปรายงานกับกระทรวงความมั่นคง คุณว่าผมควรฆ่าปิดปากคุณไหม?”
เพราะหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงเกินไปจนแผลของเขาปริมากขึ้นเรื่อยๆ เลือดสีสดซึมผ่านผ้าพันแผลจนไหลหยดลงใบหน้าเธอหยดแล้วหยดเล่า
ดวงตาเธอแดงก่ำรวมถึงลมหายใจที่หนักอึ้งขึ้นกว่าเดิม สองตากลับมองเขานิ่ง “เย่เซียว แผลคุณปริออกแล้ว ให้ถังซ่งเข้ามาทำแผลก่อน…”
มือของเธอช่วยกดแผลเขาไว้โดยไม่รู้ตัว เพื่อควบคุมไม่ให้เลือดไหลมามากกว่านี้
แต่การกระทำเช่นนี้ในสายตาของเย่เซียวแล้วกลับแลกมาได้เพียงความกระแนะกระแหนปนประชดประชัน
“ยังเสแสร้งอยู่อีก!” เย่เซียวเกลียดไป๋ซู่เย่ที่เป็นเช่นนี้เหลือเกิน มือที่ว่างอีกข้างตะครุบมือเธอไว้ให้ยึดไว้เหนือศีรษะ แรงของเขามหาศาลเลยได้ยินเสียง ‘แกร๊ก’ นิ้วชี้ของเธอถูกหักคาที่ บริเวณศีรษะไป๋ซู่เย่มีเหงื่อซึมออกมาทันที แต่กลับไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องสักนิด
ข้างหูเป็นเสียงคำรามทุ้มต่ำอย่างเดือดพล่านของเขา “ปั่นหัวผมเหมือนตัวตลกครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกประสบความสำเร็จมากสินะ”
“เย่เซียว ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร…” ไป๋ซู่เย่เลิกขัดขืน เสียงเบาหวิว “ฉันไม่เคยเห็นคุณเป็นตัวตลก”
“ไม่เคยเห็นผมเป็นตัวตลก?” เย่เซียวโน้มตัวมองเธอแล้วหัวเราะแต่สีหน้ากลับคล้ายจะคร่าชีวิตเธอ “คืนนั้นคุณหน้าไม่อายถอดเสื้อผ้ามาขอร้องให้ผมกอดคุณ หรือว่าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอะไรแต่ความจริงตัวจริงของคุณก็คือคนสำส่อนอยู่แล้ว?”
ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามของเขาเรียกให้ใบหน้าเธอซีดเซียวในชั่ววูบ
“นั่นสิ ถ้าไม่สำส่อนเกินไปสิบปีก่อนคุณที่อายุแค่สิบแปดปีจะกล้าขายร่างกายตัวเองมาขึ้นเตียงผมได้ยังไง? สิบปีหลังต่อหน้าผมคุณก็ยังใช้วิธีนี้เหมือนเดิม!คุณพูดมาสิว่าผมสำคัญกับกระทรวงความมั่นคงของคุณมากเกินไป สำคัญจนคุณไม่สนใจทุกอย่าง หรือว่า…ไป๋ซู่เย่ คุณมันค่าตัวถูก ขอแค่ได้บรรลุตามเป้าหมายคุณก็อ้าขาให้คนอื่นเอาได้ง่ายๆ?!”
เพิ่งสิ้นเสียงเย่เซียว ‘เพี้ยะ–’ เกิดเสียงดังเมื่อถูกตบหน้าฉาดใหญ่
เย่เซียวตะลึง ถูกตบจนหน้าหัน ไป๋ซู่เย่หอบหายใจหนัก เดิมทีคิดว่าเขาจะระเบิดอารมณ์ใส่แต่เขากลับนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ไม่ขยับอยู่พักใหญ่
ไม่หันหน้ากลับมาด้วยซ้ำ
จากมุมมองของเธอเห็นเพียงมุมข้างของใบหน้าเย็นชานั่นเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!