“คุณปล่อยฉันก่อน” ไป๋ซู่เย่แกะมือของเย่เซียว “เมื่อกี้ตอนมาจากเรือนรอง ข้างนอกฝนตกชุดนอนฉันเลยเปียก เลยขอยืมเสื้อผ้าคุณใส่ก่อนชั่วคราว ถ้าคุณไม่ชอบ รอคุณเข้าห้องน้ำเสร็จฉันเปลี่ยนกลับก็ได้ ตอนนี้คุณปล่อยฉัน ไปเข้าห้องน้ำ ฉันจะไปหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิให้คุณ”
“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณกำลังพูดอยู่กับใคร?” ผู้หญิงคนนี้กลับใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง
“คุณจะเอาปืนยิงฉันอีกเหรอ?” ไป๋ซู่เย่จับมือเขาที่วางบนเอวตนลงมา “ตอนนี้คุณเจ็บหนักขนาดนี้ ไหนจะโดนฉีดยากล่อมประสาทอีก ถ้าคิดจะเอาปืนยิงฉันคงไม่ง่ายขนาดนั้น มีความเป็นไปได้มากว่าฉันจะทำให้คุณได้แผล”
เย่เซียวแค่นเสียงเย็นชา “ถ้าคุณกล้าทำอะไรผม ยังไม่ทันเดินออกจากห้องนี้คุณก็จะถูกรุมทึ้งไม่เหลือชิ้นดี!”
ไป๋ซู่เย่ใช้นิ้วจิ้มผ้าพันแผลบนอกเขาทีหนึ่ง เย่เซียวร้องออกมาด้วยความเจ็บพลางกุมหน้าอกไว้ถลึงตาวาวโรจน์จ้องเธอ
“คุณกล้าท้าทายผม?”
“อือฮึ ฉันก็ไม่เห็นโดนรุมทึ้งอะไรนี่” ไป๋ซู่เย่เลิกคิ้วสูง หันหลังปิดประตูห้องน้ำออกไป
“ไป๋ซู่เย่!”
ด้านในของประตูเป็นเสียงกัดฟันกรอดของเขาที่ฟังดูจะอ่อนแรงสักหน่อย
ไป๋ซู่เย่พรูลมหายใจออกมายาวๆ อย่างที่คิดไม่มีผิดว่าระหว่างพวกเขามีเพียงตอนเขาหลับใหลเท่านั้นถึงจะไม่ทะเลาะกัน ตื่นมาก็ได้แต่ทรมานกันและกันเท่านั้น
เมื่อครู่ความจริงเธอไม่ได้ใช้แรงมากมายจิ้มแผลเขาแถมจงใจหลีกเลี่ยงปากแผลเขาให้มากที่สุด แต่…ไม่มั่นใจเลยว่าโดนแผลเขาหรือไม่
เธอไม่ได้รออะไร หยิบเครื่องวัดอุณหภูมิจากลิ้นชักออกมา
รออยู่ริมหน้าต่างสักครู่เย่เซียวถึงออกมาจากข้างใน อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของยากล่อมประสาทที่ทวีความรุนแรงขึ้นทำให้ฝีเท้าของเขาเริ่มช้าลง เธอเดินไปใช้มือหนึ่งช่วยจับเสาน้ำเกลือ อีกมือพยุงเขา
ไออุ่นและร่างกายอ่อนนุ่มของเธอแนบชิดเข้ามา เย่เซียวรู้สึกเพียงร่างกายยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
ปลายคางวางซ้อนบนไหล่เธอและตั้งใจหลบไม่ให้โดนแผลไหล่ขวาของเธอ ตาค่อยๆ ปิดลงจนสนิท
“เย่เซียว?” ไป๋ซู่เย่เรียกเขาเบาๆ
เขาแค่ทิ้งร่างพิงเธอไว้ไม่มีเสียงตอบกลับ
หน้าหันข้างเล็กน้อยก่อนจะซุกเข้ากลุ่มผมหอมอ่อนๆ ของเธอ
ไป๋ซู่เย่ร่างสะท้าน หัวใจสั่นไหวรุนแรง เมื่อครู่…ปากของเขาเลื่อนผ่านผิวกายเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่เป็นปากที่แห้งและเย็นเฉียบ แต่…กลับทิ้งความร้อนผ่าวไว้บนผิวกายเธอเสียอย่างนั้น…
เธอถอนหายใจอย่างเอือมระอา
ยั่วยวน?
ถ้าจะบอกว่ายั่วยวน น่าจะเป็นเขาเสียมากกว่าหรือเปล่า?
“คุณ…หลับแล้วเหรอ?” ไป๋ซู่เย่ถามเสียงเบา
เสียงที่ตอบกลับมีเพียงเสียงหายใจของเย่เซียว รวมถึง…สองแขนที่จู่ๆ ก็โอบกระชับกอดเอวเธอแน่น…
ไป๋ซู่เย่รู้สึกแสบที่ปลายจมูก น้ำตาเอ่อคลอทันใด
“ไป๋ซู่เย่…”
เขาที่ไม่ตอบอะไรมาตั้งแต่ต้นจู่ๆ ก็พึมพำเรียกชื่อเธอ
เธออยากตอบรับ
แต่ลำคอกลับเหมือนถูกสำลีอุดไว้ พักใหญ่ที่นอกจากเสียงหอบหายใจหนักอึ้งกลับไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสักคำออกมาได้ ได้ยินเพียงเสียงแหบแห้งของเขาถามต่อ “ทำไม…ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้?”
“ถ้าฉันบอกว่าฉันเปล่า…คุณจะเชื่อไหม?” เสียงของไป๋ซู่เย่ก็แหบแห้งเช่นกัน เธอสูดหายใจหนักๆ “ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณถูกดักฟัง…”
“ไม่รู้เหรอ?” ใบหน้าที่ซุกในกลุ่มผมเธอไม่เคยยกเงยขึ้น “เครื่องดักฟังถูกติดตั้งไว้มิดชิดขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ทันระวัง คิดว่าตอนนี้เราเองก็ยังไม่เจอ…”
ไป๋ซู่เย่หายใจติดขัด “คุณคิดว่า ฉันเป็นคนติดตั้งเครื่องดักฟัง?”
ไป๋ซู่เย่ลุกขึ้นเปิดประตูออกไป เย่เซียวทิ้งศีรษะไว้บนหมอนทำให้ไม่นานเจ้าตัวก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ข้างหูยังได้ยินเสียงพูดสั่งคนรับใช้เบาๆ ของเธอ ในหัวกลับเต็มไปด้วยประโยคเมื่อครู่ของเธอ ‘ฉันไม่ใช่คนติดตั้งเครื่องดักฟัง…’
ยังเชื่อได้อีกไหม?
ไป๋ซู่เย่…
คำพูดของคุณ ยังเชื่อได้อีกครั้งหนึ่งหรือเปล่า?
เมื่อไป๋ซู่เย่กลับมาอีกทีก็พบว่าเย่เซียวหลับไปแล้ว บรรยากาศรอบข้างราวกับเงียบสงบขึ้นมาทันใด
เธอยืนอยู่ตรงนั้นคอยมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและเริ่มเหม่อลอย จนประตูห้องถูกผลักเข้ามา คนข้างๆ ยื่นน้ำมาเธอถึงได้สติ
ดึงเครื่องวัดอุณหภูมิลงมาให้มั่นใจว่าไม่ได้เป็นไข้สูง เดี๋ยวหยอดน้ำเกลือหมดขวดไข้น่าจะลดแล้ว ถึงได้หยิบคอตตอนบัดมาจุ่มน้ำก่อนจะแตะๆ ริมฝีปากเขาให้เปียกชื้น
คล้ายกับว่าเขากระหายน้ำเหลือเกิน พอน้ำแตะโดนปากเขาก็ยื่นลิ้นออกมาเลียเบาๆ อย่างสะลึมสะลือ
เธอเห็นก็อดหัวเราะไม่ได้ “เย่เซียว คุณรู้ไหมว่าท่าทางของคุณตอนนี้เหมือนสุนัขตัวเล็ก…ไม่สิ สุนัขตัวโต พันธุ์ทิเบตันแมสติฟฟ์”
เธอพึมพำไปพลางใช้คอตตอนบัดที่จุ่มน้ำแตะกลีบปากบางแสนเซ็กซี่ของเขา
จากนั้น…
สายตาจดจ่อกับกลีบปากของเขา
ไม่อาจเลื่อนสายตาไปไหนได้อยู่พักใหญ่
เธอ กลับต้องการจะจูบเขา…
………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!