ท่าทางตอนเธอยิ้มกลับดูบริสุทธิ์อยู่บ้าง สร้างความสะเทือนไหวแก่หัวใจเย่เซียวราวกับถูกคนควักออกไปส่วนหนึ่ง
ว่างเปล่า…
“…” เขามองรอยยิ้มเธอนิ่งๆ เงียบไปสามวินาทีโดยไร้เสียงตอบกลับ
ไป๋ซู่เย่หัวเราะน้อยๆ “ฉันล้อเล่น คุณเดินไปก่อนเถอะ ฉันอยากนั่งอีกแป๊บ”
เย่เซียวก้มตัวนั่งลงตรงหน้าเธอ
เธอชะงักงัน มองแผ่นหลังกว้างใหญ่นั่นพานน้ำตาก็ห้ามไว้ไม่ได้อีกต่อไป
เย่เซียวไม่ได้หันกลับมาแค่ตบหลัง “ขึ้นมา”
ไร้ความลังเลใดๆ เธอเกาะหลังเขาไม่กล้าให้ใบหน้าเปียกชื้นแตะโดนท้ายทอยเขาเพราะกลัวน้ำตาจะเปิดโปงเธอ เขาแบกเธอลงไปตามเขาโดยมีลมพัดหวิวปัดเป่าน้ำตาเธอไปตลอดทาง
ไป๋ซู่เย่กัดปากแน่นไม่ให้ตนปล่อยโฮจนมีเสียงออกมาขณะอยู่หลังเขา
เธอรู้ว่าตั้งแต่วันนี้ไป ทุกอย่าง…จบสิ้นแล้ว…
เย่เซียวปล่อยเธอไป ในเวลาเดียวกัน…ก็ปล่อยตัวเองไปเช่นกัน…
ระยะนี้ ทั้งสองคนต่างทรมาน พัวพัน ขยับเข้าใกล้และผลักไสกันและกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหนื่อยกันทั้งคู่แล้ว…
สายสัมพันธ์ที่ไร้อนาคต การตัดขาดทันท่วงทีเป็นหนทางที่มีสติที่สุด
ความจริงเธอกับเย่เซียวต่างเป็นคนที่มีความคิดแยกแยะดีกันทั้งคู่ ผลลัพธ์นี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่…ก็เจ็บปวดที่สุด เอือมระอาที่สุด…
เส้นทางที่ไปสู่ใต้ภูเขา เย่เซียวได้เดินเชื่องช้าเต็มที แต่ก็เร็วกว่ายามขึ้นเขาอยู่ดี
ตลอดทางเห็นคุณลุงคุณป้ามากมายที่มาวิ่งตอนเช้า ทุกคนมองพวกเขาสองคนแล้วหัวเราะคิกคักพร้อมกล่าว “วัยรุ่นสมัยนี้นะ มีความรักที่โรแมนติกดีจัง”
ไป๋ซู่เย่ได้แต่กัดปากเงียบไม่กล้าตอบ เธอกลัวว่าหากอ้าปากแล้วจะร้องไห้ออกมา
“พ่อหนุ่ม เมื่อยขาไหม แบกมาไกลขนาดนี้” คุณป้ายิ้มถามเย่เซียว
เย่เซียวไม่ใช่คนมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เวลาอารมณ์ไม่ดียิ่งไม่ยอมตอบคำถามของคนแปลกหน้า
ข้างๆ คุณป้าหัวเราะเก้อเขิน “ยังต้องถามอีกเหรอ แบกคนที่ตัวเองชอบจะเมื่อยได้ยังไง? แบกไปตลอดชีวิตยังยอมเลย!”
ไป๋ซู่เย่แทบร้องไห้ออกมารอมร่อ สองมือเธอผละห่างจากเย่เซียวเล็กน้อย “เย่เซียว คุณวางฉันลงเถอะ…”
“อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ!” เสียงนิ่งขรึมและทุ้มต่ำของเขา ขณะกล่าวประโยคนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงติดแหบน้อยๆ
ไป๋ซู่เย่จึงไม่ได้ขยับตัวอีก มองแผ่นหลังเขาจนในที่สุดก็โอบลำคอเขาใหม่ ซุกหน้ากับแผ่นหลังเขาพร้อมสูดดมกลิ่นอายของเขาด้วยความรักใคร่
จากนี้…
ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
“เย่เซียว…” เมื่อมาถึงใต้ภูเขา เธอเรียกเขาเบาๆ
“อืม”
“วันหน้า…หาคุณหมอที่เชื่อถือได้กว่าถังซ่งสักคนผ่ากระสุนออกมา แล้วก็…ต้องมีชีวิตรอดตอนผ่าเสร็จ” ไป๋ซู่เย่กลั้นก้อนสะอื้นในลำคอไว้
“ได้”
“แล้วก็…ฉันหวังว่าคุณจะมีความสุข มีความสุขมากๆ…”
ต่อให้ความสุขนั้นจะไม่เกี่ยวกับเธอ ต่อให้นับแต่นี้ไปเธอจะอยู่ในเหวลึก เธอก็หวังว่าเขาจะมีความสุข
เย่เซียวไม่ได้พูดคำว่า ‘ได้’ อีก
ความสุข?
คำนี้สำหรับเขาแล้วไม่คุ้นเคยและฟุ่มเฟือย
ตั้งแต่วันที่เสียคุณแม่ไป ชีวิตเขาก็ไม่มีคำว่า ‘ความสุข’ อีก
สิบปีก่อนขณะได้พบเธอ เขาคิดว่าตนจะใกล้มีความสุขแล้ว แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นเพียงภาพลวงตา ไม่สิ เป็นระเบิด…ที่ระเบิดความต้องการทั้งหมดของเขาแตกละเอียด
ตั้งแต่นั้นผ่านมาสิบปีจนถึงตอนนี้ ไม่มีวันไหนที่เขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ในวังวนแห่งความเจ็บปวดและความกดดัน
ใช้ชีวิตแบบนี้จนเคยชิน แล้วจะมีใจอะไรไปหาความสุขอีก?
…………
ระยะทางที่ยาวไกลแค่ไหนสักวันก็ต้องเดินถึงสุดทาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!