รอกลุ่มคนทั้งหมดเดินออกทาง VIP มีรถเก๋งคันดำหลายคันได้ขับมาจอดอยู่นอกสนามบินอย่างเป็นระเบียบแล้ว
“นายน้อย ยินดีต้อนรับกลับมา!” ชายวัยกลางคนสวมสูทสีดำลงจากรถ เปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อม
“ลุงหมิง” เย่เซียวก้มหัวทักทายหน่อยๆ
“คุณไฟเรนเซ่รอคุณกลับมานาน ดังนั้นเลยมอบหมายให้ผมต้องมารับคุณที่สนามบินด้วยตัวเอง”
ลุงหมิงเป็นผู้ติดตามของไฟเรนเซ่ที่ติดตามไฟเรนเซ่มาหลายปี เป็นผู้ช่วยมือฉกาจที่สุดของไฟเรนเซ่ ต่อให้เป็นเย่เซียวก็ต้องให้ความเคารพนับถือเขาอยู่บ้าง
“ลุงหมิง ไม่ได้เจอกันนานนะคะ” น่าหลันเดินออกมาจากหลังเย่เซียวพลางยิ้มทักทายลุงหมิง
“คุณน่าหลัน ไม่ได้เจอกันระยะหนึ่ง คุณโตขึ้นหรือเปล่า”
“ใช่สิคะ” น่าหลันโอบแขนลุงหมิง “ลุงหมิง ตอนนี้หนูอายุสิบเก้าแล้ว ลุงได้เตรียมของขวัญครบรอบสิบเก้าปีของหนูไว้หรือเปล่า?”
ลุงหมิงหัวเราะ “มียายตัวแสบอย่างคุณที่ไหน? ไปเที่ยวข้างนอกลับมาไม่เอาของฝากมาให้พวกเราแล้ว ยังมาขอของขวัญอีก”
“แปลว่าไม่ได้เตรียมไว้สินะคะ?” น่าหลันแสร้งเบ้ปากอย่างผิดหวัง
“ฮ่าฮ่า สบายใจได้ ลุงหมิงไม่ได้เตรียมไว้แต่คุณไฟเรนเซ่ได้เตรียมไว้ให้คุณตั้งนานแล้ว พอแล้ว ทุกคนไว้กลับไปค่อยคุย อย่าให้คุณไฟเรนเซ่รอนาน คนแก่อย่างท่านกำลังรอต้อนรับพวกคุณอยู่”
“ค่ะ เชื่อฟังลุงหมิงหมดเลย” น่าหลันรับคำอย่างเชื่อฟังและเข้าไปนั่งรถคันหลังของเย่เซียวตามกฎเดิม
ลุงหมิงกับเย่เซียวนั่งรถคันเดียวกัน
“กลับคฤหาสน์” ลุงหมิงสั่งคนขับรถ
คนขับรถรับคำและขับรถไปนิ่มๆ
ลุงหมิงนั่งอยู่ตำแหน่งฝั่งขวาของเย่เซียว หลังกวาดตามองเขาอย่างใจดีทีก็ถอนหายใจกล่าว “เพราะเจ็บหนักจากครั้งก่อนหรือเปล่า ผมว่าช่วงนี้คุณผอมลงไปเยอะเลย”
“นอนบนเตียงนานไปก็ต้องส่งผลกระทบบ้างไม่มากก็น้อย”
“เมื่อคืนหลับไม่สนิทเหรอ? ทำไมตาแดงขนาดนั้น?”
เย่เซียวไม่ตอบ แค่ทอดสายตาไปนอกหน้าต่าง เมืองโยวของประเทศ T กำลังฝนตกพรำ เรียกให้คนมองรู้สึกเปียกชื้นไปถึงทรวงอก
ลุงหมิงมองใบหน้ามุมข้างของเขาแล้วถอนหายใจกล่าว “เรื่องครั้งก่อนคุณอย่าถือสาพ่อบุญธรรมคุณเลย ความจริงคนที่ปวดใจที่สุดก็คือท่าน คุณรู้ไหมว่าท่านได้ตั้งความหวังกับคุณไว้มาก ของทุกอย่างที่ท่านสู้เพื่อได้มา อนาคตก็เป็นของคุณทั้งหมด เรื่องครั้งนี้มีสายตาหลายคู่คอยมองอยู่ ท่านในฐานะผู้นำที่ปกครองคนมากมาย ไม่มีทางเลือกอื่น คุณน่าจะเข้าใจได้”
“ใจผมรู้ดี ในเมื่อเรามีกฎของเราก็ต้องทำตาม ผมไม่เคยโทษพ่อบุญธรรม” เย่เซียวยังคงท่าทีเฉยชา ใบหน้าเย็นชานั่นไม่มีอารมณ์อื่นปะปน
ลุงหมิงถอนหายใจอีกเฮือกแล้วพูดอย่างหนักใจ “โลกของเราไม่เหมือนคนสายขาวพวกนั้นที่ใช้เหตุผลปกครอง ในโลกของเรา มีแค่เลือดกับความโหดเหี้ยมถึงจะปกครองคนได้ คุณก็น่าจะเข้าใจที่สุด”
เย่เซียวพยักหน้า ไม่ได้ตอบกลับลุงหมิงอีก
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาได้รับการเลี้ยงดูเช่นนี้เสมอ เลือด ความรุนแรง ความโหดเหี้ยม ความมืด โรงเรียนที่เขาเล่าเรียนก็เป็นโรงเรียนทหารที่โหดเหี้ยมที่สุด
ไฟเรนเซ่เคยตักเตือนเขาว่าอย่ามีใจที่ลังเล ความรักยิ่งเป็นสิ่งที่จะแตะต้องไม่ได้ เขาในวัยหนุ่มรู้สึกว่าถ้อยคำเหล่านี้เกินจริงเกินไป จนกระทั่งภายหลังที่ตกอยู่ในกำมือผู้หญิงคนหนึ่งโดยสิ้นเชิงถึงเข้าใจว่าคนที่มีชีวิตในโลกพวกเขา ไม่ควรมีใจวาดฝันถึงแสงสว่างและความสวยงามเลย
เพราะพวกเขาไม่มีสิทธิ์ พวกเขาไม่คู่ควร
………………
รถขับอ้อมเมืองโยวไปกว่าครึ่งและจอดลงหน้าคฤหาสน์ตระกูลไฟ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!