ช่างซ่อมโทรศัพท์ถูกชายหนุ่มผู้แสนเย็นชาจ้องจนเหงื่อแตกพลั่ก มือที่กำโทรศัพท์อยู่สั่นรุนแรง
“นี่…นี่เป็นโทรศัพท์รุ่นเก่า เดิมทีก็เสียง่ายอยู่แล้วแถมตอนนี้ก็แตกขนาดนี้ อยากจะซ่อมให้เหมือนเดิม คิดว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้…”
ช่างซ่อมโทรศัพท์พูดตัวสั่นไปจนจบ จากนั้นก็รู้สึกเย็นวาบที่หน้าผาก
ปืนกระบอกหนึ่งจ่อตรงขมับเขา
“นายน้อย ไว้ชีวิตผมด้วย!” ช่างซ่อมขาอ่อนคุกเข่าร้องขอชีวิต “ไว้ชีวิตผมด้วย!”
“ฉันไม่อยากบีบบังคับคุณ” เย่เซียวขยับปากพูดทุกคำราวกับเคลือบน้ำแข็ง “ฉันแค่ต้องการคลิปเสียงท่อนเดียวในนั้น คุณหาทางเอามันออกมาให้ได้”
“เอาแค่คลิปเสียงท่อนเดียว?”
“ใช่”
อีกฝ่ายพรูลมหายใจยาว “งั้นผมจะลองพยายามดู”
“ไม่ใช่พยายาม แต่ต้องทำให้ได้” เย่เซียวเก็บปืนกลับที่เดิม
ช่างซ่อมหยิบชิ้นส่วนโทรศัพท์เหล่านั้นแล้วมองเขาอย่างนึกทำตัวไม่ถูก “เอ่อ…นายน้อย ให้ผมซ่อมตรงนี้เลยเหรอ?”
นี่ห้องของนายน้อยเชียว!
“อืม นั่งลง” เย่เซียวพยักพเยิดปลายคางไปทางโซฟา
“ท่านไม่พักผ่อนเหรอ?”
เย่เซียวเชยตามองเขาแวบหนึ่งทำให้คนคนนั้นรีบหดคอเพราะรู้ว่าตนสอดรู้เกินไป รีบหุบปากไม่กล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว
ช่างซ่อมโทรศัพท์เปิดโน้ตบุ๊คแล้วซ่อมโทรศัพท์ในห้องอย่างจริงจัง เย่เซียวที่ไม่รู้สึกง่วงเทเหล้าหนึ่งแก้วยืนตรงระเบียงข้างนอก ลืมตามองท้องฟ้าที่เริ่มสว่างช้าๆ
ผู้หญิงคนนั้น…
ยังโทรมาที่เบอร์นี้เพราะติดใจเรื่องเมื่อสิบปีก่อนโดยที่เธอยังจดจำแม่นยำ หรือเพราะเบอร์นี้บันทึกไว้ในโทรศัพท์เธอมาตลอดไม่เคยลบทิ้ง?
เขารู้ว่าเธอคงเมาไม่น้อย
คงมีแค่ตอนเมาเธอถึงโทรหาเขาได้
เย่เซียวนึกถึงคำยินดีสุดท้ายที่เธอมอบให้นั้นก็แหงนหน้ายกแก้วดื่มรวดเดียวก่อนจะเทให้ตนอีกแก้ว
…………………………
ท้องฟ้าสว่างแล้ว
เช้าตรู่
แปดโมงกว่า
น่าหลันเดินเข้าห้องทานอาหารแต่กลับไม่เจอตัวเย่เซียว
“เย่เซียวยังไม่ตื่นเหรอ?” น่าหลันถามอาชิงที่พากลับเมืองเยียวมาจากประเทศ S เทียบกับตอนอยู่ประเทศ S ช่วงนี้สีหน้าน่าหลันดูดีขึ้นมาก ใบหน้าเปื้อนความสุขทุกวัน
“ค่ะ” อาชิงเตรียมอาหารเช้าให้เธอไปแล้วตอบไป “ได้ยินว่านายท่านไม่ได้นอนทั้งคืน เมื่อคืนกลางดึกเรียกช่างซ่อมโทรศัพท์คนหนึ่งมา ตอนนี้ยังซ่อมโทรศัพท์อยู่แหนะ!นายท่านก็อยู่เป็นเพื่อนไปทั้งคืน”
“โทรศัพท์นั่นสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?” น่าหลันถามด้วยความสงสัย
“อันนี้ก็ไม่รู้แล้วค่ะ” อาชิงกล่าว “คุณก็รู้ว่าเรื่องของนายท่านไม่ว่าใครก็ไม่กล้าถาม”
น่าหลันเงียบไปอึดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
อาชิงยิ้มกล่าว “คุณน่าหลัน คุณรีบทานอาหารเช้าเถอะ ทานอาหารเช้าเสร็จต้องไปสวัสดีคุณไฟที่เรือนหลักอีก!”
“อืม ถ้าไปช้าเกรงว่าคุณไฟจะไม่พอใจเอา”
“คุณยังเรียกคุณไฟอีกหรือคะ อีกไม่กี่วันก็ต้องเรียกท่านว่า‘คุณพ่อ’เหมือนนายท่านแล้ว!”
ใบหน้าน่าหลันฉายแววเขินอายน้อยๆ “จะเปลี่ยนคำเรียกเร็วขนาดนั้นได้ยังไง? อีกไม่กี่วันก็แค่งานหมั้นเฉยๆ แต่ว่า…จนตอนนี้เย่เซียวยังไม่ยอมตกลง…”
พูดถึงประโยคสุดท้ายสีหน้าน่าหลันหม่นหมองลงมากทีเดียว ไฟเรนเซ่ได้เตรียมเชิญแขกร่วมงานและคนจากประเทศต่างๆ ก็ล้วนทราบข่าวแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เย่เซียวกลับไม่เคยพยักหน้าตอบตกลงสักครั้ง
แต่ไฟเรนเซ่ทำอะไรย่อมมีความมั่นใจเสมอ ในเมื่อเขากล้าเชื้อเชิญแขกตรงๆ แบบนี้ คิดว่าเย่เซียวก็ปฏิเสธไม่ได้
ไม่มีใครกล้าตอกหน้าคุณไฟเรนเซ่
โดยเฉพาะงานใหญ่ขนาดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!