ต่อให้เจ็บปวดหัวใจขนาดไหนน่าหลันก็ทำได้แค่แสร้งไม่รู้เรื่อง ยกมือลูบหน้าตัวเอง “หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ?”
“…เปล่า” เย่เซียวได้สติถอนสายตากลับไป สีหน้าเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาดังเช่นเคยในพริบตา เขาวางโน้ตบุ๊คไว้ข้างๆ ถาม “หาผมมีเรื่องอะไร?”
“ฉันอยากไปทักทายคุณไฟ เลยมาถามคุณว่าจะไปด้วยกันหรือเปล่า”
“คุณรอผมที่ข้างนอก ผมขอเปลี่ยนชุดก่อน”
เย่เซียวลุกขึ้นเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
น่าหลันแทบจะมองแผ่นหลังท่วงท่าเขาจวบจนแผ่นหลังเขาหายเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความหลงใหล เธอหันหลังเดินออกไปด้วยความเศร้าหมอง
……………………
จากตึกเล็กที่พวกเขาอาศัยไปยังเรือนหลักที่ไฟเรนเซ่อาศัยนั้นมีระยะทางอีกช่วงหนึ่ง
ทั้งคู่เดินขนาบข้างอยู่บนทางเดินหินกรวด
“เย่เซียว ของในโทรศัพท์สำคัญมากเลยเหรอ? คุณไม่ได้นอนทั้งคืน ตาแดงไปหมดแล้ว” น่าหลันเก็บความอิจฉาที่มีต่อไป๋ซู่เย่ไว้แกล้งถามเย่เซียวเหมือนไม่จงใจ
เย่เซียวไม่ได้ตอบแค่จู่ๆ ก็ถาม “เรื่องงานหมั้นของเรา คุณคิดยังไง?”
หัวใจน่าหลันเต้นระส่ำเมื่ออยู่ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้ หันหน้ามามองเขาอย่างรักใคร่ สายตาของเขาก็หันมามองเธอพอดีทำให้สายตาทั้งคู่ประสานกัน สายตาของเขาเรียบนิ่งแฝงด้วยความเยือกเย็น เธอกลับหน้าแดงและกำมือที่วางไว้ข้างลำตัวด้วยความตื่นเต้น “ฉัน…ฉันทำตามที่คุณไฟบอกทุกอย่าง”
เย่เซียวละสายตากลับไป “คุณไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเหรอ?”
“ฉันไม่มีพ่อแม่ เป็นเด็กกำพร้า คุณเป็นคนช่วยฉัน ดังนั้น…ต่อให้ไม่ใช่คำสั่งของคุณไฟ ฉันก็อยาก…แต่งงานกับคุณ…” ประโยคสุดท้ายอาจเป็นเพราะความเขินอาย เธอถึงได้พูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
นี่เป็นคำสารภาพรักจากหญิงสาวคนหนึ่ง
แต่เย่เซียวได้ยินเองกับหูกลับมีใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์อื่นปะปน
เขาแค่ค่อยๆ อ้าปากกล่าว “คุณรู้ว่าตอนนั้นก็เป็นเพราะใบหน้าคุณนี้ผมถึงได้ช่วยคุณไว้ แล้วให้คุณอยู่ต่อ ถ้าไม่มีใบหน้านี้ คุณจะอยู่หรือตายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมเลยสักนิด–จุดนี้คุณน่าเข้าใจดี”
นี่เป็นความจริง
แต่ว่า…
กลับเป็นความจริงที่ทำร้ายจิตใจได้มากกว่าอาวุธใดๆ
ผู้ชายคนนี้ใจร้ายแบบนี้มาโดยตลอด
เธออยากรู้จริงๆ ว่าความใจร้ายที่เขาไม่คิดจะนึกถึงความรู้สึกคนอื่นแบบนี้ ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเหมือนกันหรือเปล่า…
“เย่เซียว ฉันรักคุณมากจริงๆ…” จู่ๆ น่าหลันก็หันมากอดเอวชายหนุ่มไว้โดยไม่คิดจะสนใจความรู้สึกแย่ๆ ใบหน้าเล็กซบอกเขาแนบแน่น “ฉันชื่นชมคุณ เคารพคุณ เฝ้ามองคุณ ในสายตาฉัน คุณเหมือนท้องฟ้า…ฉันรู้ว่าฉันอาจจะสู้คนในใจคุณไม่ได้ บางทีต่อให้ฉันเขย่งสุดปลายเท้าก็เอื้อมคุณไม่ถึง แต่…อย่างน้อย หัวใจดวงนี้ที่ฉันรักคุณ มากกว่าที่เธอรักคุณ…ในเมื่อระหว่างพวกคุณเป็นไปไม่ได้ เย่เซียว ทำไมคุณไม่ลองดูกับฉันล่ะ?”
ดวงตาเธอรื้นด้วยน้ำใสบางๆ ยามเอื้อนเอ่ยคำพูดซาบซึ้งใจ ทำให้ดูจริงใจอย่างมาก
แต่ความจริงใจนี้กลับทลายหัวใจที่แข็งดั่งผ่าหินของชายหนุ่มไม่ได้ โดยเฉพาะถ้อยคำเหล่านั้นของเธอ…
ทิ่มแทงหัวใจเขาทุกคำ
เขาก้มมองหญิงสาวในอกด้วยแววตาล้ำลึก อดคิดไม่ได้ว่าหากเวลานี้คนที่ซบพิงอกเขา คนที่บอกเขาเช่นนี้ เป็นผู้หญิงคนนั้น…
“อืม คำทักทายของวันนี้รับไว้ตรงนี้แล้วกัน ยายหนู เธอน่ะให้ลุงหมิงพาเธอกลับตึกเล็กไป ฉันขอยืมตัวคู่หมั้นของเธอแป๊บหนึ่ง คงไม่ว่ากันหรอกนะ?”
คำว่า ‘คู่หมั้น’ เรียกให้ใบหน้าน่าหลันแดงระเรื่อพลางหยักหน้ารับด้วยความขวยเขิน “ไม่หรอกค่ะคุณไฟ งั้นหนูกับลุงหมิงกลับไปก่อนนะคะ”
“ไปเถอะ”
ไฟเรนเซ่โบกมือ สักพักก็เหลือเพียงเขากับเย่เซียวสองคน
“เข็นรถให้ฉันเดินเล่นในสวนดอกไม้ก่อนเถอะ ฉันเห็นว่าช่วงนี้แกอารมณ์ไม่ค่อยดี ถือว่าเดินเล่นแล้วกัน”
เย่เซียวเข็นไฟเรนเซ่ไปพูดเสียงเรียบ “ผมไม่ได้อารมณ์ไม่ดี”
“ได้ ถือว่าแกไม่ได้อารมณ์ไม่ดี ใกล้จะหมั้นแล้ว ฉันก็ไม่อนุญาตให้แกอารมณ์ไม่ดี”
“คุณพ่อ เรื่องงานหมั้น ท่านยังไม่เคยถามความคิดเห็นของผมเลย” เย่เซียวน้ำเสียงแข็งกร้าว
“บัตรเชิญฉันใกล้จะส่งไปหมดแล้ว คืนนี้ฉันจะให้ลุงหมิงเอารายชื่อไปให้ที่ห้องหนังสือของแก แกดูให้ละเอียดอีกทีเผื่อหลุดใครไป ถ้ามีหลุดตรงไหนรีบเพิ่มเติม” ไฟเรนเซ่คล้ายไม่ได้ยินคำพูดของเขาแล้วพูดของตัวเองไปเพียงลำพัง “ฉันรู้ว่าแกกลัวยุ่งยาก เรื่องงานหมั้นแกไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งนั้น แค่วันนั้นตัวมาก็พอ อ้อ แกอยากเจอแม่แท้ๆ ของแกไม่ใช่เหรอ? ในงานหมั้น แกได้เจอเธอแน่นอน ถือว่าเป็นของขวัญงานหมั้นที่พ่อให้แกแล้วกัน!”
เย่เซียวหายใจหนักหน่วง มือที่เข็นเก้าอี้อยู่เกร็งแน่นกว่าเดิม
ความหมายในประโยค เขาเข้าใจดี
ไฟเรนเซ่เล่นลูกบอลหยกสองลูกในมือราวกับไม่รู้สึกถึงอารมณ์ของใครบางคนด้านหลัง พลางพูดต่อไปเองอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย “เย่เซียว ปกติแกรู้นิสัยฉันดีที่สุด ถ้าใครกล้าแข็งข้อกับฉัน ฉันไม่ปล่อยมันไปแน่ สิบปีก่อนบัญชีเก่าของแฟนสาวแก แกไม่ได้สะสางนั่นเพราะแกใจกว้าง ส่วนบัญชีที่ทำฉันเจ็บหนักในสิบปีหลัง ถ้าจะให้สะสางจริงๆ ฉันคงต้องไปเจอเธอด้วยตัวเองสักครั้ง แกว่าไหมล่ะ?”
………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!