วัยที่เปรียบเสมือนดอกไม้กำลังเบ่งบานกลับใกล้จะร่วงหล่นเพียงเพราะรัก
ไป๋ซู่เย่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร มองใบหน้านี้ทำให้เธอหวนนึกถึงตัวเองในวัยสิบเก้า
เธอในเมื่อนั้นความจริงไม่ได้ต่างจากสภาพใกล้จะตาย…
“ไป๋ซู่เย่…ทำไมวันนี้คุณต้องปรากฏตัวอยู่ที่นี่?” เสียงน่าหลันใกล้จะหมดลมเต็มที เธอมองไป๋ซู่เย่ “วันนี้…ขอแค่คุณไม่ปรากฏตัว ขอแค่คุณไม่มา…ฉันก็จะเป็นภรรยาของเย่เซียว…”
ไป๋ซู่เย่ทอดสายตามองไปยังเย่เซียวที่อยู่ห่างๆ ขณะนี้สายตาเย่เซียวก็ทอดมองมาทางเธอ ทั้งสองคนสอดประสานสายตาให้ห้วงอารมณ์ที่หลากหลายผุดขึ้นในแววตาของกันและกัน
ฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของน่าหลันยิ่งรู้สึกปวดใจเกินจะรับได้
“แต่ฉันก็มาแล้ว” ไป๋ซู่เย่เบนสายตามาที่หน้าเธออีกครั้ง เอ่ยเสียงเบา
“ใช่ คุณมาแล้ว คุณทำลายทุกความพยายามของฉันไปอย่างง่ายดาย…ไป๋ซู่เย่ ฉัน…อิจฉาคุณจริงๆ…” ดวงตาน่าหลันน้ำตาเอ่อล้น แววตาดูล่องลอย “ถ้าพูดถึงรัก ฉันรักเขามากกว่าคุณ…ทั้งๆ ที่ คุณทรยศเขา วันนี้คุณกลับยังมีชีวิตอยู่ดี ฉันทรยศกลับมีโทษคือตายสถานเดียว? ทำไมในโลกเขาถึงมีแค่คุณคนเดียว? มีสิทธิ์อะไรที่คุณทรยศเขา ทำร้ายเขา แต่เขากลับยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อไปช่วยชีวิตคุณ? แล้วมีสิทธิ์อะไร…คุณท้องลูกของเขาได้ ส่วนฉัน…เขาไม่ยอมแตะต้องแม้แต่ปลายนิ้ว?”
ทุกคำของเธอฟังดูน่าสงสารอ้างว้าง
พูดถึงสุดท้ายเสียงแหบแห้งแตกสลาย เบาหวิวเสียจนหากลมพัดก็พร้อมจะหายไปทุกเมื่อ
ลมหนาวโกรกพัดใส่หน้าอันเศร้าโศกของเธอที่น้ำตาไหลอาบแก้ม เครื่องสำอางที่แต่งแต้มถูกน้ำตาชะล้างไปทำให้เธอดูโทรมถึงที่สุด ใบหน้าที่โผล่พ้นให้เห็นซีดเซียวไร้สีเลือดฝาด
ภาพนี้ดูน่าเศร้าเหลือเกิน
ขณะนั้นเองมืออีกข้างของเธอล้วงมีดสั้นจากใต้กระโปรงขึ้นมากะทันหัน นี่เป็นสิ่งที่เธอพกติดตัวเสมอเพื่อใช้ป้องกันตัว
ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีและเย่เซียวก้าวขายาวไปแทบจะกันไป๋ซู่เย่ให้อยู่ในอ้อมแขนตัวเองด้วยสัญชาตญาณ สายตาที่มองน่าหลันแฝงด้วยความเย็นยะเยือกเสียมากกว่า
น่าหลันหัวเราะ หัวเราะทั้งน้ำตา
มือที่กำมีดสั้นอยู่สั่นเทาอย่างรุนแรงแต่สายตากลับจ้องเย่เซียวไม่ห่าง “เย่เซียว…รู้มั้ย…ว่าสิ่งที่ฉันรู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิตคืออะไร?”
“ฉันไม่เสียใจที่รักคุณ…ไม่เสียใจที่โยนความผิดให้ไป๋ซู่เย่…ฉันยิ่งไม่เสียใจที่ใช้โทรศัพท์คุณทำให้พวกคุณผิดใจกัน…แต่ฉันกลับเสียใจที่ใช้ใบหน้านี้!” กล่าวถึงนี่อารมณ์เธอเริ่มเดือดขึ้นมาและคลุ้มคลั่งอย่างกะทันหัน เอามีดสั้นกรีดลงหน้าตัวเองอย่างโหดเหี้ยมหลายที เรียกให้ทุกคนในงานต่างสูดปากรัว แม้แต่เย่เซียวที่ใจนิ่งเสมอยังต้องมุ่นคิ้ว โอบกอดไป๋ซู่เย่ให้แนบอกมากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นก็เห็นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยเลือด สภาพบิดเบี้ยวน่าสยดสยอง เธอจ้องไป๋ซู่เย่อย่างเจ็บปวดปนเคียดแค้น หางตามีแต่รอยเลือด “พอฉันส่องกระจกทุกวัน…ก็จะเห็นคนที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด…ฉันใช้ชีวิตทุกวัน ทุกนาทีทุกวินาทีอย่างทรมาน…ฉันละทิ้งความเป็นตัวเองได้เพื่อเย่เซียว แต่สุดท้ายกลับเป็นตัวสำรองของคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ…น่าสงสารมากใช่มั้ย?”
เธอหัวเราะ “ฉันยังรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารเลย…น่าสงสารจริงๆ…”
น้ำตาของเธอถูกพัดหายไปกลางอากาศด้วยแรงลม
จากนั้นเธอหุบรอยยิ้มแสนเศร้าอย่างรวดเร็ว อยู่ๆ เธอก็ยกมีดสั้นปักลงกลางอกตัวเองอย่างแรงภายใต้สายตาของทุกคน
ทุกคนตะลึงอีกครั้ง
ไป๋ซู่เย่เผลอกลั้นหายใจ พักใหญ่ที่ในหัวเหลือเพียงแค่สายตาเคียดแค้นของน่าหลัน สุดท้ายน่าหลันก็จมอยู่ในกองเลือด สีเลือดสดย้อมชุดแต่งงานสีขาวกลายเป็นสีแดงฉาน…
เธอไม่หลับตา แค่มองมาทางเย่เซียวนิ่งโดยที่หางตายังมีรอยหยดน้ำตาจวบจนวินาทีสุดท้าย
ไป๋ซู่เย่หายใจหนักอึ้ง เหมือนมีหินก้อนใหญ่กดทับที่หัวใจทั้งอึดอัดทั้งอัดอั้น
การรักคนคนหนึ่ง หากรักจนละทิ้งความเป็นตัวเอง…ถ้าอย่างนั้นก็ได้กำหนดจุดจบแสนเศร้าไว้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว
………………
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนจากความโรแมนติกเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!