“ทำไมนานขนาดนี้?”
“ให้ตาย!อย่าพูดถึงเลย ที่บ้านมีผู้หญิงคนหนึ่งมา ตั้งแต่วันนี้ไปฉันต้องอยู่ด้วยกันกับผู้หญิงแล้ว”
เย่เซียวไม่ได้ถามมากเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง ปกติเขาไม่ถามลึกซึ้งอยู่แล้วอย่างไรเสียผู้หญิงรอบตัวถังซ่งก็เปลี่ยนเป็นว่าเล่น ไม่มีคนไหนที่เขาเคยเจอเกินสองครั้ง คิดว่าครั้งนี้คงไม่ต่างจากเดิม
“เช็คได้มั้ย?”
“อืม แท้งเองจริงๆ”
“รายละเอียด”
“จากประวัติเธอบอกว่าเด็กไม่โตตั้งแต่อยู่ในท้องเธอแต่แรกแล้ว ตอนที่เธอเพิ่งท้องไม่รู้ตัว กลืนยาลงท้องไม่น้อยทุกวัน เด็กที่ไหนจะแข็งแรงกันล่ะ?”
“ยาอะไร ในประวัติมีบอกมั้ย?”
“มี” ถังซ่งชะงักไปครู่ถึงตอบ “เป็นยาต้านโรคซึมเศร้ากับยานอนหลับ ยี่ห้อยาทั้งสองเป็นยาที่ปกติฉันยังไม่กล้าให้ใครกันมั่วๆ กินไปนานๆ จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอแอบซื้อมาจากไหน”
เย่เซียวได้ยินคำของถังซ่งแล้วหายใจหนักอึ้งขึ้นมาก มือที่กำโทรศัพท์กระชับแน่น
นอกจากยานอนหลับแล้วเธอทานยาต้านโรคซึมเศร้าอยู่จริงๆ ด้วย?
“ยานี่…เธอกินมานานเท่าไหร่แล้ว?”
“ในประวัติเขียนว่าหลายเดือนแล้ว”
“…” เย่เซียวเงียบไปพักใหญ่ถึงพูดขึ้น “ฉันรู้แล้ว นายไปนอนเถอะ”
“ก็ได้ ฉันนอนละนะ” สิ้นคำถังซ่งพูดเสริมอีกประโยค “แต่ว่าในฐานะคุณหมอ ฉันขอพูดมากอีกสักหน่อย—ยานั่นน่ะ นายบอกเธออย่ากินอีกเลยดีกว่า ถ้ากินต่อ อย่าว่าแต่เธอจะมีลูกที่ไม่แข็งแรงเลย มันไม่ดีต่อร่างกายตัวเธอด้วย กินมากไปจะส่งผลต่ออวัยวะภายในร่างกาย…แล้วก็นะ ถ้าสะดวก นายพาเธอไปตรวจสภาพร่างกายทั้งตัวหน่อย เผื่อมีอาการทิ้งท้ายบางอย่าง รีบตรวจจะได้รู้เร็วๆ”
“…อืม”
ลมหายใจเย่เซียวหนักอึ้งอย่างมาก
ถังซ่งรู้ว่าเขารู้สึกไม่ดีเลยวางสายไปโดยไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น
เย่เซียวไม่ได้เข้าไปทันที แค่นั่งอยู่ตรงระเบียงทางเดินเงียบๆ พักหนึ่ง รู้สึกอึดอัดตรงหน้าอกอย่างรุนแรงราวกับมีหินขนาดใหญ่กดทับอยู่ให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง
ยานอนหลับ
ยาต้านโรคซึมเศร้า
ตลอดหลายเดือนนี้เธอแบกรับอะไรไว้บ้าง มันจำเป็นขนาดให้เธอต้องทานยาปริมาณมากขนาดนี้เชียวหรือ?
นั่งอยู่ครู่ใหญ่ นานเสียจนพยาบาลจะเข้าไปถอดหัวเข็มในห้องเขาถึงหลุดจากภวังค์ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพร้อมพยาบาล
…………
พยาบาลถอดหัวเข็มเสร็จหมายจะวัดไข้ให้เธอ หยิบเครื่องวัดมาลองนาบที่ปากเธอหลายครั้ง เธอขมวดคิ้วเบี่ยงหน้าหลบ ถึงจะหลับไปแล้วแต่ก็ไม่ให้ความร่วมมืออย่างมาก
เย่เซียวเกรงว่าพยาบาลจะทำเธอเจ็บเลยยื่นมือบอก “มาให้ผมเถอะ”
พยาบาลนิ่งไปครู่อย่างตะลึง รีบส่งเครื่องวัดไข้ใส่มือเขา
เย่เซียวหลุบตามองเธอที่นอนบนเตียง สีหน้าเย็นชาเฉกเช่นปกติเคล้าด้วยความทะนุถนอมมากมาย เขานั่งพิงหัวเตียงแขนยาวรั้งเธอที่หลับสนิทเข้าไปในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง ก็ไม่รู้ว่าไป๋ซู่เย่รู้ตัวหรือไม่ แต่เธอกลับไม่ขยับตัวดิ้นท้วงปล่อยให้เขากอดอย่างเป็นเด็กดี
นานๆ ครั้งเธอจะเป็นเด็กดีขนาดนี้ และนานที…จะนอนซบอกเขาแบบนี้…
“ซู่ซู่”
เย่เซียวเรียกเธอทีหนึ่ง
แพขนตาเธอสั่นไหวแต่ก็ไม่ได้ลืมตา
“วัดไข้หน่อย อ้าปาก” เขากล่าวอีกครั้ง
ไป๋ซู่เย่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นรู้สึกแค่ตัวเองหนักที่เปลือกตามาก ลืมขึ้นอย่างยากลำบาก สิ่งที่เข้าตาเป็นใบหน้าเท่เย็นชาที่ทำเอาเธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่เธอคิดว่าตัวเองต้องฝันอยู่แน่ๆ…
ตอนนี้เย่เซียวอยู่ต่างประเทศ…
เธอรู้ว่าเขาจงใจเมินเธอ
“ตื่นแล้วเหรอ?” เย่เซียวอุ้มเธอขึ้นมาให้พิงไหล่ตัวเอง “ตื่นแล้วก็อ้าปาก แป๊บเดียวเท่านั้น”
ต่อให้อยู่ในฝันเสียงของเขา อ้อมกอดของเขาก็เหมือนยาที่ช่วยรักษาเธอ ช่วยปัดเป่าความไม่สบายตัว และอาการปวดจากการบีบรัดให้หายไป…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!