เย่เซียวพยักหน้ารับก่อนจะมองเธอที่อยู่บนเตียงอีกทีถึงพยักหน้าเดินออกไป พยาบาลที่เฝ้าเวรอยู่รีบเดินเข้ามาหา เขาสั่งเสียงนิ่ง “รอเธอตื่น อย่าให้เธอออกจากโรงพยาบาล จัดตารางการตรวจร่างกายทั้งตัวไว้ก่อน ห้ามละเว้นที่ไหนสักที่ สายๆ ผมจะมาอีก รอผมมาแล้วค่อยให้เริ่มตรวจร่างกาย”
“ค่ะ คุณเย่”
“แล้วก็…” เย่เซียวหันกลับไปมองในห้องอีกแวบหนึ่ง “ถ้าเธอยังไม่ตื่นก็ให้เธอนอนอีกสักหน่อย”
เกรงว่านานทีเธอจะหลับสนิทขนาดนั้นถึงทำให้ไม่ตื่นเลยตลอดคืน
“ค่ะ” พยาบาลพยักหน้ารับอีกที
เย่เซียวพูดสั่งไว้เสร็จถึงเดินออกไปนอกโรงพยาบาล นวดคลึงแขนหลายที หยูอันถามขึ้น “บาดเจ็บตรงแขนหรือครับ?”
“เปล่า แค่เลือดหมุนเวียนไม่คล่อง นวดแป๊บหนึ่งก็พอ”
หยูอันจึงไม่ถามให้มากความ ทั้งคู่เดินตามหลังกันออกไปจากโรงพยาบาล หยูอันเปิดประตูเบาะหลังเมื่อเขาขึ้นรถแล้วถึงขับรถไปที่บริษัทไฟกรุ๊ป
รถยนต์มุ่งตรงสู่จุดหมายปลายทางโดยที่หยูอันปรายสายตามองเขาที่นั่งอยู่เบาะหลังผ่านกระจกหน้า ในที่สุดสักพักถึงเอ่ยปาก “ทำไมจู่ๆ เธอถึงเข้าโรงพยาบาลได้ แล้วยังพอดีกับเวลาที่เราเพิ่งกลับมาถึงด้วย?”
เย่เซียวที่กำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ได้ยินประโยคของหยูอันถึงเชยตาเหลือบมองเขาที ถามเสียงเรียบ “นายคิดว่าเธอจงใจ?”
“ไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธความเป็นไปได้นี้ได้ ในเมื่อจุดประสงค์เธอไม่บริสุทธิ์”
“ไม่ใช่” เย่เซียวตอบปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
หยูอันมองเขาแวบหนึ่ง เห็นเขาจดจ่อกับนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ใดๆ หยูอันถึงไม่พูดอะไรอีก
เรื่องเมื่อสิบปีก่อนพวกเขาล้วนเป็นผู้เสียหาย แต่ความจริงผู้ที่เสียหายมากที่สุดมาโดยตลอดก็คือเย่เซียว นอกจากเขาจะต้องพบเจอการทรยศหักหลังแล้วยังต้องรู้สึกผิดต่อลูกน้องยี่สิบห้าชีวิตที่สูญเสียไป โดนทำร้ายความรู้สึกอย่างมากทำให้บางครั้งเขาย่อมต้องรอบคอบระวังยิ่งกว่าเดิมเมื่อต้องเปิดรับความสัมพันธ์ใหม่ๆ
เขาปล่อยวางไป๋ซู่เย่ไม่ได้ ลืมไม่ลง ความรู้สึกนั่นมันฝังอยู่ในใจถึงขั้นฝังรากหยั่งลึกถึงกระดูก แต่ความรักแบบนี้ไม่เคยมีคำว่าเชื่อใจ
ขณะนี้เย่เซียวที่คอยระแวงเธอมาตลอดสามารถพูดคำขาดว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้เสแสร้ง ถ้าเช่นนั้นแล้วบางทีอาจจะไม่ใช่ความบังเอิญจริงๆ
หยูอันไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
……………………
ประชุมช่วงเช้าวุ่นวายมาก
เย่เซียวนั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะ ประชุมเช้าสองชั่วโมงดูนาฬิกาไปสี่ครั้ง กับเรื่องงานเขาจดจ่อกับมันอยู่เสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่ใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขนาดนี้
ไม่รู้ว่าเธอตื่นแล้วหรือยัง รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม อาหารเช้าล่ะ? ทานหรือยัง? อาหารของโรงพยาบาลจะถูกปากเธอหรือเปล่า?
เย่เซียวเหม่อลอยทันทีที่นึกถึงเธอ
“นายท่าน?” เสียงหยูอันดึงสติเขากลับมา
“ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?” มองเขาอย่างเป็นห่วงแวบหนึ่ง
เขาส่ายศีรษะ นิ้วยาวเคาะหน้าโต๊ะ “พักสิบนาที สิบนาทีหลังจากนี้ค่อยต่อ”
พูดสั่งเสร็จเขาเลื่อนเก้าอี้ ลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์เดินออกจากห้องทำงานโดยไม่หันกลับมา
หัวหน้าฝ่ายต่างๆ ที่ยังนั่งอยู่ในห้องประชุมต่างมองกันและกัน “นายน้อยเป็นอะไรไป วันนี้ดูท่าทางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”
“จะเป็นอะไรได้? เกิดเรื่องในวันแต่งงาน ในเวลาสั้นๆ แบบนี้จะให้กลับมาเหมือนเดิมคงยากอยู่หรอก”
“แกคิดว่าเป็นแกหรือไง นายน้อยไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนั้น ได้ยินว่าในวันแต่งงานเจ้าสาวฆ่าตัวตายต่อหน้าเขา ตอนที่ถูกลากศพออกไปเขาไม่แม้แต่จะปรายตามองสักนิด ยังคงเย็นชาเหมือนเดิมเสมอเลยนะ…” เสียงของคนนั้นแผ่วลงเรื่อยๆ เมื่อพูดมาถึงประโยคท้ายๆ
“พวกแกเบื่อที่ทำงานมานานใช่มั้ย? ถ้าเบื่อไม่มีเรื่องอะไรให้ทำก็ไสหัวไปได้เลย!” หยูอันกระแทกปิดเอกสารดัง ‘ปึง–’เงยหน้าขึ้นปรายตาที่คมเฉี่ยวเย็นชาดั่งปลายมีดแหลมคมใส่พวกที่กระซิบกระซาบกัน หลังสองคนนั้นลนอยู่ครู่ก็รีบปิดปากเงียบ ก้มหน้าไม่กล้าสบตาหยูอัน ใครจะรู้ว่าหยูอันหูดีขนาดนั้นล่ะ!
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!