“คราวหน้าถ้าแม่อยากทาน ผมจะทำให้ทาน” เย่เซียวเองก็นั่งลงข้างไป๋ซู่เย่
“ได้ คราวหน้าตอนที่ลูกทำให้แม่ทานก็ให้ซู่ซู่มาช่วย พวกลูกสองคนทำด้วยกันรสชาติต้องดีมากแน่ๆ”
ความหมายคำพูดนี้ของคุณแม่เย่ชัดเจนมากว่าเป็นคำเชื้อเชิญ เย่เซียวหยิบตะเกียบขึ้นมาหยุดชะงักกึก หันข้างเหลือบมองไป๋ซู่เย่ เขาไม่ได้ตอบแต่สายตากำลังขอความเห็นเธออย่างเห็นได้ชัด
ไป๋ซู่เย่รู้สึกถึงสายตาเขาเลยหันหน้ามาสบตาเขา แสร้งทำเป็นแกล้งถาม “เย่เซียว คุณต้องการให้ฉันมาช่วยมั้ย?”
“คุณว่ายังไงล่ะ?” เขายังคงสีหน้ามาดเท่ คีบผักใส่ถ้วยเธอเงียบๆ
ไป๋ซู่เย่ส่ายศีรษะ “ฉันไม่รู้นี่นา คราวก่อนคุณทำคนเดียวก็ไหวอยู่ ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
ผู้หญิงคนนี้!
จงใจอย่างนั้นหรือ?
เย่เซียวหลุบตาจ้องเธอแวบหนึ่ง “ถ้าคุณไม่อยากมาก็ช่างเถอะ”
“…” ไป๋ซู่เย่พอจะคาดเดาได้ว่าเขาต้องตอบแบบนี้
“เย่เซียว ลูกพูดยังไงน่ะ? กับผู้หญิงพูดแบบนี้ได้ยังไง!ซู่ซู่ เขาน่ะนิสัยแบบนี้แหละ ไม่รู้จักเอาใจเด็กผู้หญิง ฉะนั้นหนูอย่าถือสาเขาเลยนะ ความจริง ใจเขาอยากให้หนูมาจะตายไป!” คุณแม่เย่รีบพูดแทรก กลัวว่าเด็กสองคนนี้จะทะเลาะกันอีก
“แม่ครับ ใครบอกว่าผมอยาก?”
“ลูกอยากหรือไม่อยากใจลูกรู้ดีที่สุด โกหกซู่ซู่ได้แต่โกหกแม่ไม่ได้หรอก”
ทีนี้เย่เซียวกลับไม่พูดโต้กลับอีก หันข้างปรายตามองเธอแวบหนึ่งและได้รับรอยยิ้มจากเธอกะทันหันพาลทำให้ใจสั่นไหวอย่างหนักจนทุกคำที่คิดจะโต้กลับไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้ สุดท้ายได้แต่ตอบเสียงจืดจาง “ทานข้าว”
“อืม” ไป๋ซู่เย่พยักหน้ารับ คีบอาหารให้คุณแม่เย่ก่อนคีบเนื้อไก่สองชิ้นให้เย่เซียว “คุณทานเยอะๆ หน่อย คุณป้าบอกว่าก่อนหน้านี้คุณไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่ ทานค่อนข้างน้อย”
“อืม” เย่เซียวไม่ได้ปฏิเสธ
กับข้าวที่เธอคีบให้ตัวเอง พอใส่ปากรู้สึกว่ารสชาติดีผิดปกติ
“คราวหลังถ้าหนูมาบ่อยๆ เขาจะต้องเจริญอาหารมากกว่าเวลาไหนๆ แน่นอน” คุณแม่เย่ตอบแทน
เย่เซียวมองไป๋ซู่เย่แวบหนึ่งและไม่ได้ปฏิเสธอย่างที่คิด เธอยิ้ม ซึ่งความจริงกลับหวานชื่นในใจมากกว่า
มื้ออาหารดำเนินต่อไปท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลาย ทั้งสามคนพูดคุยกันไปเรื่อยๆ โดยมีแสงไฟอบอุ่นครอบคลุมอยู่เพิ่มความอบอุ่นให้แก่บรรยากาศ
เย่เซียวชอบความรู้สึกแบบนี้
อดีตมีเพียงเขากับคุณแม่ที่ปกติเขาพูดน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลาทานอาหารส่วนใหญ่เลยมักเงียบ บางครั้งมีพ่อบุญธรรมมาแต่เรื่องที่คุยกันส่วนมากก็เป็นเรื่องงาน ทำให้บรรยากาศยิ่งหม่นลงมากกว่าเดิม
ไม่เหมือนคืนนี้
ระหว่างคุณแม่กับเธอมีเรื่องให้คุยมากมาย ทั้งคู่ต่างผ่อนคลาย สนุกสนาน เสียงหัวเราะที่สร้างความสุขแก่คนได้ยิน
ภาพนี้เห็นแล้วให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ…
ครอบครัวเดียวกัน…
ใจเย่เซียวผุดคำนี้ขึ้นมาตามด้วยใจที่สั่นไหว จากนั้นพอดึงสติกลับมาได้ก็ทำให้เขาไม่กล้าคิดลึกไปกว่านี้
กลัวเวลาที่คาดหวังมากเกินไป สิ่งที่ตอบแทนกลับมาจะมีเพียงความผิดหวัง ความรู้สึกแบบนั้นมันแย่มากยิ่งกว่าสิ่งใด
………………
หลังมื้ออาหารคนรับใช้กำลังเก็บโต๊ะ
คุณแม่เย่ใจคิดแต่จะจับคู่ให้พวกเขาเลยหนีไปยังเรือนหลักที่เธอพักอาศัยอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจากไปไม่ลืมสั่งท้ายพวกเขาว่า “ซู่ซู่จ๊ะ หนูอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยนะอย่าเพิ่งรีบกลับ ค่ำๆ ให้เย่เซียวไปส่งหนู ถ้ารู้สึกเหนื่อยก็ค้างคืนเลย ยังไงห้องก็มีเยอะ”
“ค่ะคุณป้า วันนี้รบกวนคุณป้ามากแล้ว ไว้เจอกันคราวหน้าค่ะ”
“ไม่รบกวนเลย หนูมาได้ฉันดีใจที่สุด” คุณแม่เย่จากไปพร้อมรอยยิ้ม
ทั้งคู่ยืนอยู่ข้างนอกและยืนส่งเธอกลับไป เพิ่งหันมาสบตากันแวบเดียวเย่เซียวชิงพูดก่อน “เข้ามา ข้างนอกหนาว”
“อ่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!