“อืม ก่อหน้านี้นอนไม่หลับ แต่วันนี้น่าจะไม่แล้ว…” เธอพูดเสียงพึมพำ ฝังหน้าลงกับอกเขาลึกกว่าเดิม
ดวงตาเย่เซียวมีแต่ความอ่อนโยน
อ่างอาบน้ำในห้องอาบน้ำ น้ำร้อนระอุปล่อยไอน้ำลอยโขมง เย่เซียวนอนอยู่ข้างในส่วนเธอตะแคงตัวนอนพิงอกเขา ตัวเย่เซียวสูงใหญ่เลยถูกแขนขาคู่ยาวของเขากักไว้ในอ้อมแขนยามเธอนอนบนตัวเขา ยิ่งขับให้เธอดูตัวเล็กกว่าเดิมมาก
ในหัวเย่เซียวมีภาพเมื่อสิบปีก่อนที่เป็นอย่างตอนนี้ทับซ้อนขึ้นมา เขาอดจูบเหนือศีรษะเธออย่างห้ามใจไม่ไหวไม่ได้ มือใหญ่สอดประสานทั้งสิบนิ้วกับเธอแล้ววางไว้บนหน้าท้องน้อยเธอ คลาดกันไปสิบปีเต็ม พอมาคิดดูแล้วก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ดี
“ลองเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังมั้ย?” เย่เซียวเอ่ยปากพูดเสียงเบา
“เรื่องฉัน? เรื่องอะไรของฉัน?”
“เรื่องสิบปีนี้…คุณอยากเล่าอะไรก็ได้” เขาอยากรู้มากจริงๆ ว่าสิบปีนี้เธอใช้ชีวิตอย่างไร มีความสุขหรือเสียใจเขาล้วนไม่สามารถผ่านมันไปพร้อมกับเธอหรือแบ่งปันให้กันและกัน แต่เขากลับยังอยากฟังเธอเล่าเรื่องตัวเอง
“สิบปีนี้…” ไป๋ซู่เย่งึมงำ หรี่ตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนซบลาดไหล่เขา ย้อนนึกถึงชีวิตในสิบปีที่ผ่านมาที่แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกลางๆ ว่าใช้ชีวิตได้สะเปะสะปะ กระทั่งวันที่เขาปรากฏตัวที่ประเทศ S วันนั้นโลกของเธอถึงได้กลับมาชัดเจนมากขึ้น
เธอหันกลับไปเกาะบนไหล่เย่เซียว “หลายปีก่อนฉันใช้ชีวิตแบบมึนงง นอนไม่หลับบ่อยครั้งบางครั้งนานทีจะหลับลงก็ฝันร้าย ในฝันสุดท้ายฉันมักจะโดนคุณยิงปืนฆ่า เลือดสาดกระจาย…”
เย่เซียวหายใจติดขัด พูดขัดเธอ“ไม่ต้องเล่ารายละเอียดของฝัน ยังไงฝันก็ตรงข้ามกับความจริง”
ฆ่าเธอ?
หากเขาทำได้คงไม่เจ็บปวดถึงเพียงนี้ แถมยังปล่อยให้เจ็บปวดมายาวนานกว่าสิบปี
ไป๋ซู่เย่หัวเราะทีหนึ่ง ทั้งที่กำลังเล่าเรื่องวันวานของเธอแต่สีหน้าเย่เซียวกลับดูหนักอึ้งกว่าเธอมาก
“ภายหลังคุณแม่เป็นห่วงว่าถ้าฉันยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะตายได้ทุกเมื่อ เลยขอลาพักงานกับทางกระทรวงกลาโหมสักระยะ พบจิตแพทย์มากมาย เคยทานยาอะไรไม่รู้เต็มไปหมด…”
ลมหายใจเย่เซียวติดขัดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าและเริ่มเปลี่ยนโทนเสียงไปเล็กน้อย
“หลังจากนั้น…” ไป๋ซู่เย่หยุดคิดครู่หนึ่ง “หลังจากนั้นฉันก็ดีขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องพึ่งพายาพวกนั้นในการใช้ชีวิต”
“แล้วช่วงนี้ทำไมถึงเริ่มทานยาพวกนี้ใหม่?”
“โรคเก่ากำเริบ”
เย่เซียวประคองใบหน้าเล็กเธอเพื่อยกเชิดหน้าเธอขึ้น สายตาล้ำลึกขึ้นมาก “เพราะผม?”
ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบอีกซึ่งเธอรู้สึกว่าเย่เซียวกำลังถามทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ เธอทำเพียงหลับตากระชับเรียวแขนที่กอดคอเย่เซียวให้แน่นราวกับกำลังร้องขอการปลอบประโลม ฝังหน้าลงบนลาดไหล่เขา
เย่เซียวไม่ถามไปมากกว่านี้ ความอยากทะนุถนอมและรักใคร่บางอย่างกำลังแผ่ขยายไม่หยุดหย่อนเข้าจับกุมพื้นที่หัวใจทั้งดวงของเขา เขาได้แต่กระชับวงแขนกอดเธอแน่น
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น…
เธอเผลอนอนบนตัวเขาในอ่างอาบน้ำทั้งอย่างนั้นจริงๆ เย่เซียวอุ้มเธอออกมาใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวที่เปียกโชกของเธอจากนั้นค่อยเอาชุดคลุมอาบน้ำมาคลุมตัวเธอเป็นก้อนแล้ววางเธอลงบนเตียง
…………
ไป๋ซู่เย่กึ่งหลับกึ่งตื่นแต่ยังรู้สึกได้ถึงตัวตนของชายหนุ่มข้างกาย
พอตัวถึงเตียงเธอขยับตัวเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ สองมือกอดเอวชายหนุ่มด้วยสัญชาตญาณ การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้สร้างความวูบไหวแก่หัวใจเย่เซียวเป็นอย่างมาก ชั่ววูบหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการสำหรับเธอ อย่างน้อยก็ ณ เวลานี้…
เขาปล่อยให้เธอนอนบนแขนตัวเอง พอเธอขยับตัวชุดคลุมอาบน้ำเลยเลื่อนตกลงมาเผยให้เห็นลาดไหล่ข้างหนึ่ง บนไหล่นั่นยังมีรอยแผลปืนอันเก่าที่เขาเคยยิ่งใส่หนึ่งนัด
เย่เซียวหายใจหนักอึ้งขึ้น นิ้วโป้งลูบไล้บนรอยแผลเป็นนั่นไปมาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็กอดเธอแนบแน่น
หวังแต่เพียง…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!