“รัฐมนตรี คุณ…”
“นั่งลง” ไป๋ซู่เย่ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมาพยุงให้เขานั่งลงไป สีหน้าไป๋หลางแย่มาก เขาแทบจะขัดขืนด้วยแรงทั้งหมดอยากจะลุกขึ้นยืน มือของเธอกดไหล่เขา “อย่าเสียแรงเปล่าเลย ถึงปริมาณยาจะไม่ทำให้นายเสียสุขภาพ แต่ในเวลาสั้นๆ นายคงขยับตัวไม่ได้”
“ทำไมถึงทำแบบนี้? คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?!” ไป๋หลางกัดฟันแน่น สองตาจ้องเธอเขม็งไม่กะพริบตา
“ใช้หนี้” สองพยางค์หลุดจากปากเธออย่างง่ายดาย เทียบกับความตื่นตระหนกของเขาแล้วไป๋ซู่เย่กลับดูใจเย็นเสียเหลือเกิน
ใจเย็นผิดปกติ
ความใจเย็นนั่นคล้ายความใจเย็นหลังได้ตัดสินจะสละชีพในสมรภูมิรบยามศึกสงคราม เรียกให้ไป๋หลางรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ใช้หนี้? ใช้หนี้อะไร? คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ไป๋ซู่เย่ไม่คิดจะตอบอีก กล่าวเพียง“นายคงต้องลำบากชั่วคราวล่ะ”
พูดจบหัวเข็มหนึ่งกระบอกได้แทงลงบนลำคอของไป๋หลางเบาๆ ไป๋หลางกำลังจะพูดบางอย่างแต่ขืนลำคออ้ำอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่มีเสียงหลุดออกมาสักนิด เขาเกิดร้อนใจขึ้นมาทันทีจนลำคอแดงเถือก แต่อย่างไรก็ขยับตัวไม่ได้อยู่ดี
ผู้หญิงบ้าคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่?!
ไปสู้กับพรรคพวกเย่เซียวคนเดียวเหรอ?
นั่นรนหาที่ตายชัดๆ ไม่ใช่หรือไง?!
ไป๋หลางอยากจะกระโดดเด้งตัวขึ้นมาตีหัวเธอให้สลบแล้วลากกลับไป แต่ ณ เวลานี้กลับทำได้แค่คอยมองเธอก้าวเข้าไปในกลุ่มคน จากนั้นก็เดินเข้าหาเย่เซียวช้าๆ อย่างแน่วแน่…
……………………
เย่เซียวไม่แม้แต่จะขยับเปลือกตาเลยตลอดเวลานี้
ยามชุดกระโปรงสีน้ำเงินปรากฏอยู่ภายในกรอบการมองเห็นเขาถึงเชยตาเย็นชาปรายตาให้อีกฝ่ายวูบหนึ่ง
เขาทำแค่มองเธอ มองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาที่สุด คล้ายว่าเขาไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน
หากใครไม่เคยรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขามาก่อนคงคิดไม่ถึงว่าในเมื่อวานนี้เอง…ในเมื่อวานนี้ที่พวกเขายังคงตระกองกอดพัวพันอย่างร้อนแรงกันอยู่?
แล้วจะคิดถึงได้อย่างไรว่าไม่นานมานี้พวกเขายังคบหากัน ต่างบอกรักด้วยคำหวานซึ้งว่าจะไม่แยกจากกันตลอดชีวิต วาดฝันอนาคตที่จะได้อยู่เคียงคู่กันจนแก่เฒ่า?
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงฉับพลันเกินไป รวดเร็วเสียจนตั้งตัวไม่ทัน
“เชิญคุณเต้นรำกับฉันสักเพลงได้มั้ย?” คนที่เอ่ยปากก่อนคือไป๋ซู่เย่ เธอยืนอยู่ตรงนั้นยิ้มให้เขา ราบเรียบและสวยงาม
มือที่กำแก้วไวน์ของเย่เซียวกระชับแน่น มือของเขามีบาดแผล เมื่อคืนเศษแก้วแตกละเอียดนั่นได้ทิ่มแทงสร้างบาดแผลให้เขาอย่างลึก
ลึกราวกับแทงลงตำแหน่งหัวใจเขาอย่างไรอย่างนั้น…
“ไป๋ซู่เย่ อย่าทำเกินไปนะ!” หยูอันเดินมาหน้าบึ้งใส่
ไป๋ซู่เย่ทำเป็นไม่ได้ยิน แค่มองเย่เซียวนิ่งๆ “ได้มั้ย?”
เดิมทีหยูอันคิดว่าจากนิสัยของเย่เซียวแล้วตอนนี้ไป๋ซู่เย่ไม่ตายก็ต้องเสมือนตาย ยิ่งรักมากยิ่งไม่อาจทนการหักหลังซ้ำซ้อนได้
แต่นอกจากเย่เซียวไม่โกรธแล้วกลับยังวางแก้วไวน์ลงช้าๆ ลุกยืนช้าๆ ปลดกระดุมสูททีละเม็ดโดยมองเธอไปพลาง “ได้สิ”
“นายท่าน!” หยูอันเดินเข้าไปหาหนึ่งก้าว อยากพูดอะไรแต่เย่เซียวแค่ยกมือให้เขาเงียบปาก
……
เย่เซียวยื่นมือให้ไป๋ซู่เย่
ไป๋ซู่เย่เงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายวางมือบนฝ่ามือเขาเบาๆ ฝ่ามือเขาเย็นเฉียบขนาดว่าไม่มีความอบอุ่นสักนิด ส่วนของเธอ ก็เช่นเดียวกัน…
เสียงดนตรีเต้นรำดังคลอเคล้าไปทั่วทุกมุมของงาน ทั้งคู่คล้ายคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง ค่อยๆ เดินโอบกอดสู่วงเต้นรำ
ชุดกระโปรงสีน้ำเงินลอยพลิ้วอยู่กลางงาน งดงามจนคนมองตาเคลิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!