เขาได้ให้ถังเจวี๋ยคิดค้นอาวุธใหม่เพื่อดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายไปแล้ว ดังนั้นสัญญาทางนี้ได้ถูกสองประเทศคู่กรณีเลื่อนแล้วเลื่อนอีก หลังจากนี้จะเจรจาสำเร็จหรือไม่นั้นยังมีโอกาสพิจารณาใหม่
เขาไม่อยากให้เธอลำบากใจถึงได้ให้ถังเจวี๋ยออกหน้า ต่อให้เสียหายมหาศาลแต่เขากลับไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเธอจะตัดสินใจเช่นนี้
——————
ข้างๆ หยูอันคอยมองทั้งคู่ในกองเลือดแล้วหัวใจก็สั่นไหวด้วยความสงสารจับใจ
สองคนนี้ต่างรักอีกฝ่ายจนยอมสละชีวิตตัวเอง ต่างส่งมอบชีวิตตัวเองไว้กับอีกฝ่ายได้ทั้งนั้น ยอมอยู่ยอมตาย รักจนต่างเสียสละเพื่ออีกคนด้วยวิธีที่ให้ตัวเองอยู่เงียบๆ เพื่อให้อีกคนได้สมดั่งใจปรารถนา
แต่ดัน…
พวกเขาดันคลาดกันไม่หยุดหย่อน…
ความเจ็บปวดรวมถึงรอยแตกร้าวในอดีตทำให้พวกเขาไม่กล้าเดินขนาบคู่กันเรื่อยมา บัดนี้ในสงครามรักที่ต้องสูญเสียฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปนั้นความเกลียดชังเคียดแค้นในวันวาน ความตะขิดตะขวงใจทั้งหมดได้หมดความสำคัญลงชั่วพริบตา เพียงแต่…พวกเขาที่เพิ่งรู้ใจตัวเอง จะยังมีอนาคตไหม?
——————
“เย่เซียว…ฉันหนาว…หนาวจัง…”
ไป๋ซู่เย่ซุกตัวในอ้อมกอดเย่เซียว เย่เซียวรีบถอดเสื้อนอกของตัวเองลงอย่างรวดเร็วก่อนจะคลุมตัวเธอไว้ หันไปตะคอกถามเสียงขาดห้วง“รถพยาบาล!รถพยาบาลล่ะ!”
“อยู่ในระหว่างทางมา เดี๋ยวก็ถึงแล้วครับ!”
หยูอันรีบตอบกลับหลังได้สติกลับมา เมื่อครู่หลี่สือได้โทรเรียกรถพยาบาลเป็นอันดับแรกแล้ว
เย่เซียวช้อนตัวไป๋ซู่เย่จากพื้น เลือดสีสดหยดลงบนพรมทีละเม็ดๆ ทำให้ภาพดูน่าสะพรึงยิ่งนัก และย้อมดวงตาเขาให้แดงก่ำเช่นเดียวกัน แพร่ซึมไปทั้งหัวใจเขา
ไป๋ซู่เย่ใช้สองมือโอบลำคอเขา แนบใบหน้าติดซอกคอเขา
“เย่เซียว…”
“ผมอยู่นี่ ผมอยู่…” เสียงเย่เซียวสั่นเครืออย่างรุนแรง
ใบหน้าเธอเริ่มซีดเซียวลงทุกเมื่อ“คุณ…จะคิดถึงฉันมั้ย?”
เสียงเขาแหบแห้ง “ผมเริ่มคิดถึงแล้ว…ตอนนี้เริ่มคิดถึงแล้ว…”
เธอยิ้ม ปากแนบติดลำคอเขา เขารู้สึกได้ว่าริมฝีปากของเธอไม่มีอุณหภูมิใดๆ หลงเหลืออีกต่อไป เสียงอ่อนแอของเธอดังข้างหูเขา“ฉันก็เริ่มคิดถึงคุณแล้ว…”
ทำอย่างไรดี?
ความจริง…
ไม่อยากจากไปเลย…
ไม่อยากไปจากเขาทั้งอย่างนี้…
พวกเขายังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่ได้ทำร่วมกัน…
“สิบปีก่อน…ฉันไม่รู้…ว่าคนของเราจะฆ่าพวกเขา…” ไป๋ซู่เย่ยังพูดไม่หยุด แต่แรงเหลือน้อยลงทุกที “ฉันไม่อยากให้พวกเขาตาย…แต่ฉันกลับช่วยพวกเขาไม่ได้…”
“ซู่ซู่ ไม่ต้องพูดแล้ว…เด็กดี เก็บแรงไว้ เก็บแรงให้ทนนานกว่านี้หน่อย!” เย่เซียวอุ้มเธอเดินออกไปข้างนอกก้าวใหญ่
ทุกคนแยกออกจากกันเปิดทางให้อัตโนมัติ กลุ่มคนของหยูอันเดินตามหลังคอยมองแผ่นหลังแสนเศร้านั่น ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก และไม่อยากพูดอะไรมาก
“ขอโทษ…เย่เซียว…” ไป๋ซู่เย่พึมพำเสียงแผ่ว
“ผมไม่ต้องการคำขอโทษของคุณ!” เย่เซียวกอดเธอแน่น แน่นเสียจนคล้ายจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน “ผมแค่ต้องการให้คุณมีชีวิตต่อ!อยู่ต่อเป็นเพื่อนผม!คุณเคยบอกว่าคุณจะไม่มีวันไปจากผม!ผมไม่อนุญาตให้คุณไปจากผม!คุณฟังเข้าใจมั้ย?”
ไป๋ซู่เย่รู้สึกเพียงเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ…
หนักเสียจนไม่นาน…ก็ปิดสนิท…
หนักเสียจนภาพตรงหน้าทุกอย่างพร่ามัว มองอะไรไม่เห็นสักอย่าง…
เย่เซียว…
เย่เซียว…
เธอเรียกชื่อที่สลักในส่วนก้นบึ้งของหัวใจเธอไม่ขาดสาย แต่…ไม่มีใครได้ยินเสียงนั้นอีก…
“ซู่ซู่!” เสียงร้องดังก้องอย่างพังทลาย โศกเศร้าและสิ้นหวัง
เย่เซียวที่เข้มแข็ง ห้าวหาญเสมือนไม่มีวันล้มคนนั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาหนึ่งหยดร่วงเผาะ ตกกระทบลงบนผิวกายเย็นเฉียบของเธอ
เย่เซียว อย่าร้องไห้…
เธออยากจะยกมือเช็ดน้ำตาให้เขาเหลือเกิน…แต่…ไม่มีแรง…ไม่มีแรงอีกแล้ว…
ใบหน้าเธอเรียบสงบ หางตากลับมีน้ำตาไหลออกมาทีละเม็ดๆ ไม่หยุด
ในหัวเต็มไปด้วยภาพเมื่อสิบปีก่อน วาบขึ้นมาเหมือนภาพยนตร์และเปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง…
–เย่เซียว ข้างนอกฝนตกอีกแล้ว ฟ้าผ่าด้วย น่ากลัวจังเลย
ข้างหูเธอเหมือนได้ยินเสียงของตัวเองเมื่อสิบปีที่แล้ว เสียงใสและซุกซน
–แล้วยังไงล่ะ?
สิบปีก่อนเขาเหมือนตอนนี้ไม่มีผิด เย็นชาเสมอต้นเสมอปลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!