“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอแค่ไม่ทำกิจกรรมที่รุนแรงก็ไม่มีปัญหา”
“กระสุนสองนัดยิงใส่ร่างกายไม่เสียชีวิตก็นับว่าพวกหยูอันไม่ได้ลงมือเด็ดขาด” ไฟเรนเซ่ปริปากกล่าว เทียบกับความอ่อนโยนของคุณแม่เย่แล้วเขายังคงท่าทางเคร่งขรึม แต่ก่อนหน้าไป๋ซู่เย่ได้ใช้เวลาร่วมกับเขามาหลายวันจึงไม่เกรงกลัวต่อท่าทีเช่นนี้ของเขาอีก เพียงยิ้มเดินไปหา “สุขภาพท่านแข็งแรงดีนะคะ?”
“หึ!ไหนบอกว่าหลังจากนี้จะไม่มาหาฉันอีกแล้วไง ทำไมวันนี้ถึงมาล่ะ?”
“มาทำเผือกต้มซี่โครงให้ท่านโดยเฉพาะ คราวก่อนที่โรงพยาบาลท่านบอกว่าอยากทานไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนนั้นอยากแต่ตอนนี้ฉันไม่ได้บอกอยากทาน” ไฟเรนเซ่คิดว่าตัวเองใช่ว่าจะกล่อมได้ง่ายๆ
“งั้นคืนนี้ไม่ทานแล้ว?”
ไฟเรนเซ่แค่นเสียงอีกที “ถ้าเธอจริงใจจริงๆ วันที่มาถึงเมืองเยียวแรกๆ วันเกิดฉันทำไมไม่เห็นเธอมาแสดงความยินดีล่ะ?”
ไป๋ซู่เย่ไม่คิดว่าแม้แต่เรื่องนี้เขายังเก็บไปคิดเล็กคิดน้อยอีก ได้แต่อธิบาย “หนูกลัวว่าวันที่ดีแบบนั้นจู่ๆ หนูปรากฏตัวจะทำให้พวกท่านตกใจได้”
พอจินตนาการภาพนั้นก็ใช่
อีกอย่างในเมื่อวันนี้ต้องการเริ่มต้นใหม่ เธอไม่อยากปรากฏตัวในสายตาผู้คนอย่างยิ่งใหญ่อีกแล้ว
เย่เซียวโอบเอวเธอ “ไปนั่งเถอะ ร่างกายคุณยังไม่หายดี ไม่ต้องทำอะไรมาก เก็บกับข้าวไว้ทำคราวหน้าก็ได้”
เขาออกโรงปกป้องเธออย่างเห็นได้ชัด
ไฟเรนเซ่เองก็ไม่เห็นต่าง ตอบแค่ประโยคเดียว “เดี๋ยวให้ข่ายปินตรวจเช็คให้เธอดีๆ อีกที”
สิ้นคำพูดเขาทั้งเย่เซียวและไป๋ซู่เย่ต่างก็ชะงัก รู้กันดีถึงความหมายแอบแฝงของคำพูดเขา เย่เซียวเป็นคนได้สติก่อน “ครับ เดี๋ยวผมจะไปหาข่ายปิน”
“อืม ต้องดูดีๆ กระสุนสองนัดไม่ใช่เรื่องเล็ก แล้วยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง” ไฟเรนเซ่ตอบรับ
ไป๋ซู่เย่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้แทรกบทสนทนาของพวกเขาแต่เธอเองยังรู้สึกได้ว่าท่าทีของคุณไฟที่มีต่อตนเอง ได้เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงจากอดีต
………………
ขณะที่คุณแม่เย่กำลังวุ่นวายในครัว เธอได้เข้าไปช่วย
แม้ว่าที่บ้านจะมีคนรับใช้มากมายแต่ทุกครั้งที่ต้องทำอาหารให้เย่เซียวคุณแม่เย่จะลงมือทำเองกับมือ ในเมื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้ทำหน้าที่มารดาอย่างที่ควรเท่าไร
“หนูไม่เป็นอะไรฉันก็โล่งอกไปที ช่วงนี้อย่าว่าแต่เย่เซียวไม่สบายดีเลย ฉันเองก็นอนไม่ค่อยหลับ” คุณแม่เย่หั่นผักไปพลางคุยกับไป๋ซู่เย่ไป พูดไปพูดไปขอบตาเริ่มแดงระเรื่อ เธอหยุดท่วงท่าลง “ซู่ซู่ หนูต้องช่วยป้าเกลี้ยกล่อมเขาหน่อยนะ”
ไป๋ซู่เย่เชยตามองเธอ
“เขาคิดว่าหนูจากไปก็เลยคิดจะไปตามหนู” คิดถึงเรื่องนี้คุณแม่เย่ยังรู้สึกหวาดผวา “โชคดีที่ตอนนี้เขากำลังวางแผนสั่งเสียเรื่องของฉันอยู่ ทั้งจัดการลูกน้องทั้งหมดนั่นเลยยื้อมาถึงตอนนี้ไม่ได้เลือกที่จะไปทันที ก่อนหน้าคุณชายถังบอกว่าพร้อมจะผ่าตัดให้เขาเพื่อเอากระสุนออกมาแล้วแต่เขาไม่ยอม ไม่ยอมผ่าเอากระสุนนัดนั้นออก ตอนนี้เขาอันตรายมาก เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ฉะนั้นไม่ว่าใครก็กำลังกังวลแทนเขา”
ก่อนหน้าที่ทะเลทรายซ่าเหยียนไป๋ซู่เย่เคยได้ยินเขาบอกว่าขอแค่เธอไปเขาไม่มีวันอยู่รอดบนโลกนี้เพียงลำพัง แต่บัดนี้พอได้ยินคำพูดนี้อีกทีก็รู้สึกสะท้านในใจไม่ต่างจากเดิม
เจ้าโง่คนนั้น!
คิดจะทอดทิ้งทุกอย่างเพื่อตามเธอไปจริงๆ เสียได้…
ชั่วขณะทุกความรู้สึกถาโถมเข้ามาในใจเธอ ทั้งปวดใจทั้งซาบซึ้งใจทั้งคิดว่าเธอมีบุญยิ่งนัก สักพักถึงปริเสียงปลอบคุณแม่เย่“คุณป้าวางใจเถอะค่ะ หนูจะเกลี้ยกล่อมเขาเอง”
“ฉันเห็นหนูก็โล่งใจแล้วล่ะ ขอแค่มีหนูอยู่เขาไม่มีทางยอมไปแน่ๆ ต่อให้ถังซ่งไม่มาหาเขาเขาก็จะต้องไปหาถังซ่ง” พูดถึงนี่คุณแม่เย่ก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลายลง ใบหน้าที่มีความหม่นหมองปกคลุมอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็จุดประกายด้วยรอยยิ้ม
“กำลังคุยอะไรกันอยู่?” เสียงเย่เซียวดังขึ้นฉับพลัน ไป๋ซู่เย่หันไป ความสะท้านในใจเมื่อครู่ยังไม่หายไปไหนดี สายตาที่จ้องมองเขาจึงแฝงด้วยห้วงอารมณ์ลึกซึ้งที่มากกว่าเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!