“ไม่ต้อง” ตอนนี้มีเธออยู่ในอ้อมกอด เขาหวังเพียงว่าจะมีชีวิตอยู่นานกว่านี้ เขาอยากแก่เฒ่าไปพร้อมกับเธอ…
ไป๋ซู่เย่ถอนหายใจ หินก้อนใหญ่ที่สุดในใจถูกยกออกไปสักที เธอง่วงจริงๆ เลยหาววอดสองครั้งติด ได้ยินเพียงเย่เซียวถามด้วยสติที่พร่ามัว“คุณคิดจะให้เรากลับประเทศ S เมื่อไหร่?”
“คุณกลับประเทศ S มีธุระอะไรเหรอ?”
“คุณเคยพบแม่ของผมแล้ว และเคยพบพ่อบุญธรรมของผมแล้ว ดังนั้นให้ยุติธรรมหน่อย ควรพาผมกลับไปพบพ่อแม่คุณบ้างหรือเปล่า?”
ไป๋ซู่เย่ตื่นทันทีเมื่อได้ยินคำเหล่านี้ของเขา
เธอเงยหน้ามองเขา “คุณอยากพบพ่อแม่ของฉัน?”
ท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินไป๋ใช่ว่าเขาจะไม่เคยพบมาก่อน อดีตเคยพบเจอกันตามงานอยู่ไม่มากก็น้อยแต่สถานะตอนนั้นย่อมแตกต่างจากสถานะที่เธอจะพาเขาไปทำความรู้จัก
“คุณไม่เคยคิดจะพาผมกลับไปพบพ่อแม่คุณเหรอ?” เย่เซียวถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความผิดหวัง
ท่าทางอย่างนั้นเรียกให้เธอปวดที่หัวใจ
“ไม่ใช่อยู่แล้ว” ไป๋ซู่เย่ส่ายศีรษะและอธิบายอย่างจริงจัง “ฉันเคยคิด เคยคิดหลายครั้ง แต่เรื่องครั้งนี้…พวกท่านอาจจะเข้าใจคุณผิดไปบ้าง คุณต้องเตรียมใจไว้ให้ดีด้วย”
“ผมเข้าใจได้ และยอมรับมัน” เธอเกือบตายในมือของเขา ไม่มีพ่อแม่ใครปล่อยวางเรื่องนี้ได้ หากเป็นลูกสาวเขาที่เกิดเรื่องแบบนี้เกรงว่าเขาจะถือปืนมาหาถึงที่แล้วยิงฝ่ายชายให้หัวระเบิด
ไป๋ซู่เย่พูดเตือนเขาก่อน “บางครั้งพ่อฉันดุขึ้นมาจะลงไม้ลงมือนะ”
เมื่อคราวที่ขัดขวางเย่ฉิงกับซิงเฉินยังลงไม้ลงมือกับลูกชายตัวเองอย่างไม่ออมมือก็ไม่ต้องพูดถึงเย่เซียวเลย ไม่มีทางปล่อยเขาแน่
“ไม่เป็นไร ผมรับไหว”
“ไม่ได้สิ สภาพร่างกายคุณรับไม่ไหวหรอก ยังมีกระสุนค้างอยู่เลย ถ้าเกิดโดนพ่อฉันตีจนเป็นอะไรขึ้น…” ไป๋ซู่เย่แค่คิดก็ตัดสินใจ “แบบนี้แล้วกัน รอผ่าตัดเสร็จค่อยไปพบพ่อแม่ฉัน”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับการตัดสินใจนี้ “จะรอหายดีต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเลย”
“คุณรีบมากเลยเหรอ?”
“คุณว่าไงล่ะ?” สิบปีก่อนเขาเคยคิดอยากจะพบพ่อแม่เธอมาก่อนแล้ว เมื่อนั้นหลงคิดว่าเธอเป็นเด็กกำพร้า
ไป๋ซู่เย่พิงแนบอกเขาแล้วหลับตา “ไม่เป็นไร หลังจากนี้เรามีเวลาอีกเยอะ”
อนาคตยังอีกยาวไกล พวกเขาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น…
“รอคุณหายดีค่อยว่า ตกลงแบบนี้แหละ”
ความจริงเธอเองก็เริ่มวาดฝันถึงวันนั้นแล้ว แม้บุพการีที่บ้านจะเข้าใจผิดต่อเย่เซียวมากขนาดไหนแต่เธอเชื่อว่ารอพวกท่านทำความเข้าใจเย่เซียวแล้วจะเปิดใจยอมรับเขา
แค่คิดก็รู้สึกว่าภาพนั้นช่างบริบูรณ์!
“ซู่ซู่…” กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์เสียงเย่เซียวก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“หืม?” เธอเงยหน้าประสานสายตากับเย่เซียว ภายใต้แสงไฟสลัวของหัวเตียงพอจะเห็นความลึกซึ้งที่ไม่สลายไปจากแววตาเขาได้
“นอนไม่หลับเหรอ?” เธอถามเสียงอ่อนโยน
“อืม” เขาลูบจับใบหน้าเธออย่างหลงใหลคล้ายกำลังสัมผัสการมีอยู่ของเธออย่างละเอียด “กังวลนิดหน่อย กลัวว่าพรุ่งนี้ลืมตาขึ้นแล้วจะกลายเป็นแค่ความฝัน…ความฝันแบบนี้ ที่ผมฝันทุกวัน”
เจ้าโง่…
ไป๋ซู่เย่ปวดหนึบที่หัวใจ ขอบตาแดงระเรื่อและพอจะคิดได้ว่าหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเขาผ่านมันมาได้อย่างไร เธอเริ่มเสียใจ เธอไม่ควรรอให้เวลาผ่านไปนานขนาดนั้นถึงกลับมาหาเขา
เธอกอดเขาแน่นอย่างรักใคร่ เสียงเริ่มสะอื้น “ไม่ใช่ความฝัน เย่เซียว ฉันไม่เป็นไรแล้ว ต่อจากนี้…ฉันไม่มีวันไปจากคุณอีก…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!