ข้างนอกนี้คือป้อมยาม พวกเขาสองคนทำเรื่องแบบนี้บนรถ…จากสติและการควบคุมตัวเองของเธอ ปกติเธอจะต้องปฏิเสธ
แต่ต่อหน้าเย่เซียวเธอกลับพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกมาไม่ได้
ได้แค่ตัวอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขา ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ
ความจริงเย่เซียวแค่อยากกอดเธอสักหน่อย จูบเธอสักหน่อยเพื่อทดแทนความต้องการของร่างกายและหัวใจที่มีต่อเธอ แต่สุดท้ายเขากลับถูกทรมานให้แย่ลงกว่าเดิม ร่างกายเกร็งจนแทบระเบิด
“เย่เซียว…” ไป๋ซู่เย่เรียกเขาอย่างอดไม่ได้
“ผมรู้…ผมไม่ทำอะไรหรอก…” เย่เซียวหักห้ามใจอย่างมากแล้ว เสียงของเขากำลังกดความเจ็บปวดอยู่
“…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ไป๋ซู่เย่ใช้ดวงตาที่มีม่านน้ำใสสบตาสีเข้มของเขาคู่นั้น พักใหญ่ถึงปริเสียง “หรือว่า…เราลองดูสักครั้ง? แต่คุณต้องอ่อนโยนหน่อยนะ”
ประโยคสุดท้ายเสียงของเธอเบาแทบเบากว่านี้ไม่ได้แล้ว
พูดจบแม้แต่เธอยังอยากขุดคลุมฝังตัวเองเสีย นี่เธอ…เป็นคนพูดแบบนี้ก่อนหรือ? ทำให้เธอดูหิวกระหายมากขนาดไหน
อีกอย่าง…
พอพูดจบรู้สึกได้ชัดว่าร่างกายของเย่เซียวเกร็งแน่นยิ่งกว่าเดิม
ท่าทางของเขาเหมือนจะกลืนกินเธอเสียให้ได้
สุดท้ายเขาไม่แตะต้องเธอ แค่ยกตัวเธอกลับไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับเหมือนเดิม ไป๋ซู่เย่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาหอบหายใจ “ไม่มีครั้งหน้า”
“หืม?”
“คำพูดเชื้อเชิญแบบนี้ คราวหน้าถ้าคุณพูดอีก ผมไม่ออมมือแน่ๆ…”
ไป๋ซู่เย่หน้าแดงก่ำ เธอไม่กล้าพูดอะไรอีกแค่เสหน้ามองไปนอกหน้าต่างแสร้งพูดเร่งเขาอย่างใจเย็น“จะพาฉันไปเดินเล่นไม่ใช่เหรอ? รีบขับรถสิ”
เย่เซียวถึงได้ผละห่างจากเธอ สตาร์ทรถยนต์
ภายในรถร้อนระอุอย่างน่าแปลก ไป๋ซู่เย่ปิดฮีตเตอร์แต่ยังรู้สึกร้อนเลยเปิดหน้าต่างเล็กน้อย ให้ลมเย็นได้เข้ามาสักหน่อย
เย่เซียวมองการกระทำนี้ของเธอด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม
รถยนต์ขับลงจากเขาจงซัน รอสักพักเขาก็สะกดกลั้นอารมณ์จนได้ถึงถาม “ดีขึ้นหรือยัง?”
“หืม?” เธอหันหน้ามามองเขา
“ไม่ร้อนแล้วก็ปิดหน้าต่าง เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนเป็นหวัดง่าย”
“อ่อ ได้” เธอเคอะเขินน้อยๆ พลางปิดหน้าต่างรถ
เย่เซียวยื่นมือไปสอดประสานทั้งห้านิ้วของเธอ เขาไล้นิ้วเล่นปลายนิ้วเธอเบาๆ “คุณหมอคุณเคยบอกมั้ยว่าเราจะออกกำลังกายหนักหน่วงได้เมื่อไหร่?”
“…”
คุณหมอฟู่บอกแค่ว่าห้ามออกกำลังหนักหน่วง แต่กลายเป็นการออกกำลังกายหนักหน่วงระหว่างพวกเขาไปตั้งแต่เมื่อไร?
“ไม่ได้บอก แค่ตักเตือนฉันไว้เท่านั้น บอกว่าหลายเดือนนี้ต้องดูแลร่างกายตัวเอง อย่าทำอะไรหนักหน่วง…”
เย่เซียวพยักหน้ารับถือว่ารับทราบ“พรุ่งนี้ผมจะลองไปถามถังซ่งดู”
“…เรื่องแบบนี้คุณไปถามถังซ่ง?”
“เขาเป็นคุณหมอ การถามข้อมูลจากเขาไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ?” เย่เซียวกลับไม่ใส่ใจ
ไป๋ซู่เย่หมดคำจะโต้แย้ง
พอจินตนาได้ว่าหากถังซ่งรู้เข้าจะต้องทำหน้าระรื่นหยอกล้อแน่นอน
——————
รถยนต์พุ่งทะยานสู่ท้องถนนเส้นหลัก
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ถามก็รู้ว่าพวกเขาสองคนกำลังจะไปไหน รถขับถึงครึ่งทางเธอพิงไหล่เย่เซียวเพราะเริ่มง่วง เย่เซียวเอียงตัวถูปลายคางกับศีรษะเธอ “ง่วงก็นอนพักก่อน ถึงแล้วจะปลุกคุณ”
“ฉันไม่อยากนอน” เธอพึมพำ ง่วงน่ะใช่แต่ก็ไม่อยากหลับตา อยากใช้เวลาอันแสนสงบนี้กับเขา
มีแต่ความอิ่มเอมใจและความสุขสบายเต็มอก
เสียเวลาที่จุดพักบริการไปนาน เวลาตีสามกว่าถึงมาถึงเขามู่เจี้ย
เดินถึงครึ่งทางเธอที่ร่างกายอ่อนแอก็หอบอย่างหนัก เย่เซียวนั่งยองลงตรงหน้าเธอ “ขึ้นมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!