ฟู่ยี่เฉินเองก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียว ถอดหน้ากากอนามัยพร้อมพูดเตือน “คุณเองก็ไม่ค่อยแข็งแรง อย่าลืมพักฟื้นดีๆ”
“อืม ฉันรู้” ไป๋ซู่เย่พยักหน้า รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมากในพริบตา พวงแก้มเริ่มมีสีระเรื่อไม่ขาวซีดเหมือนก่อนหน้านี้
ทันใดนั้นเองได้ยินเสียงพูดคุยดังแว่วมาจากห้องผ่าตัด
ไป๋ซู่เย่กล่าวคำขอบคุณต่อฟู่ยี่เฉินก่อนจะรีบสับเท้าเดินเข้าไปข้างใน
เย่เซียวถูกคนเข็นเตียงออกมาจากห้องผ่าตัด
เขาโดนฉีดยาสลบและตอนนี้ยังไม่ได้สติ นอนสะลืมสะลืออยู่บนนั้นขณะที่ใบหน้าขาวซีด ถังซ่งกำลังคุยโทรศัพท์ที่น่าจะเป็นสายจากไฟเรนเซ่กับคุณนายเย่ ถังซ่งเดินออกมาโดยที่บอกข่าวดีกับพวกเขาไปด้วย พอเห็นไป๋ซู่เย่ทำเพียงโบกมือหย่อยๆ นับว่าเป็นการทักทาย
เธอไม่ได้เข้าไปขัดการคุยโทรศัพท์ของเขาเพราะใจคำนึงถึงแต่เย่เซียว รีบก้าวเดินไปโน้มตัวกระซิบเรียกเขาข้างหู “เย่เซียว” ความจริงไม่ต้องให้เขาตอบกลับตัวเอง แค่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ก็พอ แค่เรียกขานเขาแบบนี้ สัมผัสถึงลมหายใจของเขาได้ก็เพียงพอ
เธอกุมมือเย็นเฉียบของเขามาแนบไว้ข้างมุมปาก ลูบจับใบหน้าไร้สีเลือดฝาดดังเดิมของเขา คอยสัมผัสอุณหภูมิจากร่างกายเขา หัวใจที่บีบรัดแน่นในทีแรกถึงผ่อนคลายลง
จากนั้นเดินเข็นเตียงเขาเข้าห้องพักผู้ป่วยพร้อมพยาบาล
เขาถูกพยาบาลพยุงอย่างระมัดระวังให้นอนลงบนเตียง พยาบาลยังคงเดินขวักไขว่เพื่อทำการตรวจเช็ครอบสุดท้ายให้เขา เธอตักน้ำมากำลังเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากและมือให้เขาอย่างระวัง เพิ่งผ่านพ้นศึกสงครามมาทำให้ตัวของเขาเปียกชุ่มทั้งตัว
“คุณหมอถัง”
เสียงพยาบาลเรียกให้ท่วงท่าของเธอหยุดชะงัก เห็นถังซ่งเดินใส่เสื้อกาวน์สีขาวเข้ามาจากข้างนอก
ทำการผ่าตัดที่มีความยากขั้นสูงมาหลายชั่วโมง เขาดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
หาววอดอย่างเกียจคร้านทีหนึ่งก่อนโบกมือให้คนอื่น“เสร็จแล้วก็ออกไปเถอะ”
คุณหมอและพยาบาลต่างพยักหน้ารับรู้ถึงเดินตามกันออกไป
ไป๋ซู่เย่หยุดงานในมือ ลุกขึ้นยืน “ขอบคุณ ครั้งนี้ยังดีที่มีคุณ”
เธอแทบพูดอะไรต่อไม่ได้ ไม่อยากจะคาดคิดว่าหากวันนี้ไม่มีถังซ่งเรื่องจะดำเนินอย่างไรต่อไป
“นั่นสิ ยังดีที่มีผม ไม่งั้นวันนี้เขาตายแน่ ก่อนหน้านี้ใครให้เขาหัวรั้นไม่ยอมผ่าตัดสักที!ถ้าผ่าตัดเร็วกว่านี้คงไม่ยื้อมาถึงตอนนี้หรอก?” ถังซ่งบ่นไปพลางปรับความเร็วของสายน้ำเกลือเขาไปด้วย
ไป๋ซู่เย่รู้ว่าถังซ่งหวังดีต่อเขาจริงๆ เลยรู้สึกขอบคุณจากใจ ถามเพียง “เขาจะฟื้นจากยาสลบเมื่อไหร่?”
“อีกชั่วโมงสองชั่วโมงก็น่าจะโอเคแล้ว”
“งั้นก็ดี” ไป๋ซู่เย่หยักหน้ารับ เย่เซียวคล้ายลืมตาขึ้นแต่เพราะเหนื่อยล้าเกินไปเลยหลับตาผล็อยหลับอีกรอบ
ถังซ่งมองเธอแวบหนึ่ง“เมื่อกี้ได้ยินคุณหมอท่านอื่นบอกว่าบนตัวคุณยังมีแผลอยู่?”
“อืม แต่โชคดีที่เป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย แผลเรื้อรังจากแผลครั้งก่อน” เธอตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ความสนใจกำลังถูกเพ่งไปยังตัวเขา ทั้งกังวลว่าเขาจะหนาวเลยห่มผ้าครึ่งท่อนล่างให้เขา
“กระดูกซี่โครงแตกเชียวยังกล้าบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก คุณทำจากเหล็กเหมือนเขาหรือยังไงกัน?” ถังซ่งดึงเสื้อคนไข้บนตัวเธอที “ไปไปไป คุณเองก็กลับไปนอนเตียงห้องคุณได้แล้ว เขานอนรอบนี้ไม่รู้จะฟื้นเมื่อไหร่ ถ้าเกิดเขาฟื้นแล้วรู้ว่าคุณบาดเจ็บแต่ผมยังปล่อยให้คุณมาเฝ้าเขาที่นี่ เขาต้องมาหาเรื่องผมแน่ๆ”
“ฉันกลับไปก็ไม่ไว้วางใจ”
“ไม่ไว้วางใจอะไร? ที่นี่มีคุณหมอกับพยาบาลตั้งมาก หรือว่าเราจะกินเขาเข้าไปได้งั้นเหรอ?”
ในที่สุดไป๋ซู่เย่ก็เผยยิ้มออกมาจนได้ “ได้ ฉันรู้แล้ว ฉันกลับห้องตัวเองแต่ถ้าเขาฟื้นคุณต้องให้คนมาบอกฉัน”
“ได้”
“ถ้าเขามีตรงไหนที่ไม่สบายตัว คุณก็ต้องให้คนมาบอกฉัน”
“บอกคุณทำไม คุณไม่ใช่คุณหมอนี่”
“คุณจะบอกไม่บอก? ไม่บอกงั้นฉันอยู่นี่ไม่กลับแล้ว”
“บอกก็บอก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!