สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 1001

บทที่ 1001 พบครั้งหนึ่งผิดพลาดไปตลอดชีวิต

บทที่ 1001 พบครั้งหนึ่งผิดพลาดไปตลอดชีวิต

ยอมแพ้หรือ?

ฉีซืออี้มองเงาร่างของลู่ฉาวอวี่

อันที่จริง นางเคยลังเล นางเคยทุรนทุราย ท้ายที่สุดก็ไม่อาจตัดใจได้

ยามนั้นอยู่ที่ชายแดน บุรุษทุกคนล้วนล้อมรอบนาง คุณหนูใหญ่สกุลฉีเป็นไข่มุกที่แวววาวที่สุดของชายแดน บุรุษที่ชายแดนต่างภาคภูมิใจที่สามารถทำให้นางยิ้มได้

ฉีซืออี้ทะนงตน ไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้นี้

หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวง นางได้พบกับลู่ฉาวอวี่เป็นครั้งแรก นางถูกคนผู้นี้ทำให้ตกตะลึง เมื่อได้รู้ตัวตนของเขาและได้ยินเรื่องราวของเขา หัวใจของนางก็เริ่มเต้นกระหน่ำ

“ซืออี้ เจ้ามองทางนั้นสิ…”

ฉีซืออี้ได้ยินคำพูดของสหายสนิทก็มองตามสายตาอีกฝ่ายไป เห็นคุณชายห้าจวนเสนาบดีกรมพิธีการกำลังมองมาที่ตนด้วยความหลงใหลจึงแย้มยิ้มจาง ๆ ออกมา

คุณชายจวนเสนาบดีผู้นั้นเผยสีหน้าดีใจ โบกมือมาให้นางด้วยท่าทางโง่เขลา

“คุณชายท่านนี้ก็ไม่เลว ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะด้อยกว่าใต้เท้าลู่น้อยอยู่บ้าง ทว่าในเมืองหลวงก็นับว่าเป็นสามีที่ดีในสายตาของเหล่าคุณหนูสกุลใหญ่แล้ว”

“เจ้าชอบเขาหรือ?” ฉีซืออี้ถาม

หลี่เข่อหรงได้ยินคำพูดของฉีซืออี้ก็รู้สึกจุกในอกขึ้นมา

มีเพียงฉีซืออี้เท่านั้นที่กล้าคิดหวังต่อใต้เท้าลู่น้อย คุณหนูธรรมดาทั่วไปอย่างพวกนาง ต่อใต้เท้าลู่น้อยแล้วทำได้เพียงนับถือชื่นชม ไม่กล้าคาดหวังเกินความเป็นจริง แทนที่จะไขว่คว้าดวงจันทร์ที่อยู่ไกลเกินเอื้อม ไม่สู้ชื่นชมดวงดาวที่ส่องแสงพร่างพราวดีกว่า

“อย่าได้พูดเหลวไหล” หลี่เข่อหรงเอ่ย

หลังจากงานเลี้ยงของพระราชวังสิ้นสุด ทุกคนในสกุลลู่กล่าวอำลาฟ่านหยวนซีกับภรรยา ขึ้นรถม้ามุ่งหน้ากลับบ้าน

ลู่ฉาวอวี่ถูกฟ่านหยวนซีรั้งไว้เพราะมีเรื่องจะหารือด้วย ดังนั้นเขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากวัง

ครั้นออกจากวังมาได้เพียงครึ่งชั่วยาม บนถนนที่ไม่ไกลจากวังหลวงนัก เขาเห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่

“ใต้เท้า เกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่ขอรับ” หยางจงเซิงเอ่ย

ลู่ฉาวอวี่ควบม้าเข้าไป มองดูรถม้าคันนั้นภายใต้แสงจันทร์ นิ้วสัมผัสลงบนร่องรอยกระบี่ที่เหลืออยู่บนรถม้า

“นี่เป็นรถม้าสกุลฉี” จางอี้ชี้สัญลักษณ์บนรถม้าแล้วเอ่ยว่า “วันนี้ใต้เท้าฉีเซียวไม่ได้นั่งรถม้ามา หากแต่ขี่ม้าเข้าไปในวัง ใต้เท้าฉีเจินเป็นแม่ทัพ ย่อมชอบขี่ม้าเช่นกัน ทว่าภรรยากับลูกสาวของเขาใช้รถม้า”

“ดังนั้น นี่เป็นรถม้าที่ฮูหยินฉีกับคุณหนูฉีนั่งมาหรือ?”

“ขอรับ”

“ที่นี่เกิดการต่อสู้กัน ฮูหยินฉีกับคุณหนูฉีไม่มีวรยุทธ์ ดังนั้นฝ่ายหนึ่งที่ต่อสู้คงเป็นผู้คุ้มกันสกุลฉี ไปตรวจสอบรอบ ๆ ดูว่ามีเบาะแสใดหรือไม่ ลู่เจี๋ย เจ้าไปสอบถามสถานการณ์ทางสกุลฉี”

ลู่เจี๋ยห้อตะบึงม้าไปยังสกุลฉี

ขณะที่ลู่เจี๋ยไปสอบถามข่าวคราว ลู่ฉาวอวี่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเช่นกัน

ไม่นานนัก หยางจงเซิงกับจางอี้ก็นำเบาะแสใหม่กลับมา

“ดูท่าจะถูกลักพาตัวไปแล้วขอรับ”

“บนพื้นมีผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นปักอักษร ‘อี้’ หากข้าน้อยจำไม่ผิด ในชื่อคุณหนูฉีก็มีคำว่า ‘อี้'”

“ไปสำรวจอีกรอบ”

“ขอรับ”

ลู่เจี๋ยกลับมาแล้ว เขากลับมาพร้อมคนสนิทข้างกายฉีเจินผู้หนึ่ง

คนสนิทเอ่ยว่า “ใต้เท้าเมาแล้ว กำลังพักผ่อน อย่างไรก็ปลุกไม่ตื่นขอรับ ใต้เท้าลู่ ฮูหยินกับคุณหนูของเรายังไม่ได้กลับจวน หากท่านมีเบาะแส รบกวนช่วยพวกเขาค้นหา หากใต้เท้าของเราตื่นขึ้นมา จะต้องขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก”

“ใต้เท้าของพวกเจ้าไม่ได้กลับจวนกับฮูหยินและคุณหนูหรือ?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย