สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 1015

บทที่ 1015 ไต่สวนข้ามคืน

บทที่ 1015 ไต่สวนข้ามคืน

หลังจากส่งฮ่องเต้ไปแล้ว ลู่อี้ก็กลับเข้ามาในจวนอ๋อง

ยามนี้แขกกลับไปเกือบหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนที่กำลังกล่าวคำอำลากับลู่เซวียน เมื่อลู่อี้กลับมาพวกเขาก็บอกลาลู่อี้แล้วกลับไป

จวนอ๋องที่ครึกครื้นมีชีวิตชีวาเมื่อครู่นี้พลันว่างเปล่า บรรยากาศทั่วทั้งจวนก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมขึ้นมา

ฉีเจินเดินออกมาจากข้างในแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องรองผู้นั้นของข้า ไยพริบตาเดียวก็หายไปแล้วเล่า? เดิมทีข้ายังคิดจะรอกลับไปพร้อมกับเขา ตอนนี้ดูท่าว่าข้าจะรอไม่ไหวแล้ว”

“พี่ฉีดื่มมากเกินไป ข้าจึงรั้งเขาไว้ให้พักผ่อน พรุ่งนี้เขาก็กลับจวนแล้ว” ลู่อี้ยิ้มบาง ๆ “ใต้เท้าฉีเจินไม่ต้องเป็นห่วง”

“แซ่ฉีเช่นกัน ท่านเรียกเขาพี่ฉี กลับเรียกข้าว่าใต้เท้า นี่ไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ?” ฉีเจินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากกล่าวแล้ว ตอนนั้นรบกับอาณาจักรเหลียง พวกเราก็ร่วมรบด้วยกันมากว่าครึ่งปี”

“นั่นสิ เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก ภายในชั่วพริบตา อาณาจักรเหลียงก็หายไปนานแล้ว” ลู่อี้เอ่ย “แผ่นดินเกิดยังคงอยู่ ทว่าทุกอย่างกลับแตกต่างออกไป”

“ขอเพียงแผ่นดินเกิดยังคงเป็นแผ่นดินเกิด อย่างไรก็ย่อมมีใหม่เข้ามาแทนที่เก่าเสมอ ยกตัวอย่างเมืองหลวงของเรา เมืองใหญ่เจริญรุ่งเรือง ทุกวันมีคนกี่มากน้อยที่หอบหิ้วความฝันมา มีคนกี่มากน้อยที่จากไปพร้อมกับความช้ำใจ?”

“ใต้เท้าฉีกล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่ง” ลู่อี้ยิ้มบาง ๆ “นี่ก็ดึกมากแล้ว ฮูหยินยังรอใต้เท้าฉีอยู่ในรถม้า เชิญ”

“ขอตัว”

หลังจากฉีเจินจากไปแล้ว ลู่เซวียนก็เอ่ยขึ้น “ใต้เท้าฉีผู้นี้น่าสนใจทีเดียว”

“น่าสนใจทีเดียวจริง ๆ”

ลู่อี้เคยตรวจสอบอีกฝ่ายแล้ว กลับตรวจสอบไม่พบอะไรเลย

ปกติเขาทำงานระมัดระวังและมีจิตใจที่รับผิดชอบสูง ในหมู่ราษฎรแล้วก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เป็นขุนนางดีที่หาได้ยาก

เพียงแต่ ลู่อี้สายตาแหลมคมเป็นพิเศษ มักจะรู้สึกว่าแม่ทัพผู้นี้มีประกายบางอย่างที่ขัดแย้งกับการเป็นเสนาบดีกรมกลาโหม

“พวกเราไปดูว่าฉีเซียวทางนั้นเป็นอย่างไร”

ฉีเซียวอยู่ในเรือนส่วนหลังของสกุลลู่

ที่นั่นมีห้องลับพิเศษ ใช้สำหรับการสอบปากคำนักโทษ

มู่ซืออวี่รู้จักที่แห่งนั้น แต่ไรมาก็ไม่เคยไปที่นั่น อีกทั้งคนในสกุลลู่คนอื่น ๆ ก็ไม่เคยไปที่นั่นเช่นกัน ที่นั่นเป็นสถานที่เฉพาะของลู่อี้กับลู่ฉาวอวี่

ลู่อี้กับน้องชายเรียกเซี่ยเฉิงจิ่นไปด้วยกัน วันนี้เป็นคืนเข้าหอของลู่ฉาวอวี่จึงไม่ได้เรียกเขาไป นับประสาอะไรกับลู่ฉาวจิ่ง เขาไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องกับของมืดมนเหล่านั้นไปชั่วระยะหนึ่ง ลู่ฉาวจิ่งในตอนนี้ยังเป็นคุณชายสกุลขุนนางไร้มลทินผู้หนึ่ง หากใช้คำพูดของมู่ซืออวี่มาอธิบาย ในแววตาเขายังคงมีความโง่เขลาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่

มู่ซืออวี่ยังไม่คิดจะดึงต้นกล้าให้โตในตอนนี้ ดังนั้นจึงไม่มีแผนให้ลู่ฉาวจิ่งเข้ามาสัมผัสกับด้านมืด แน่นอนว่าหากเขาเติบใหญ่ขึ้น ยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเองแล้ว ด้านมืดเหล่านี้ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงไม่เผชิญ

“พระชายา” เจ๋อหลานเดินเข้ามาพร้อมกับขนม “วันนี้ท่านไม่ได้กินอะไรมากนัก ตอนนี้ทานอะไรหน่อยเถอะเจ้าค่ะ!”

“วันนี้เป็นงานแต่งลูกชายข้า ข้ากลับหิวท้องกิ่ว หากเล่าลือออกไปจะไม่ทำให้คนหัวเราะเอาหรือ?” มู่ซืออวี่บ่นไปพลางขณะกินขนมไปพลาง “ทางเรือนหอเป็นอย่างไรบ้าง?”

“บ่าวส่งคนไปสอบถามแล้วจึงได้ยินบ่าวรับใช้ทางนั้นบอกว่าพักผ่อนแล้วเจ้าค่ะ”

“ไม่ร้ายแรงจริง ๆ หรือ?”

“เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย