สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 1027

บทที่ 1027 ท่านจวิ้นอ๋อง ไม่ต้องร้องแล้ว

บทที่ 1027 ท่านจวิ้นอ๋อง ไม่ต้องร้องแล้ว

ลู่จื่ออวิ๋นพาลู่จื่อชิงเข้ามาในวังแล้วถวายบังคมฝ่าบาทก่อน

ลู่จื่ออวิ๋นมีสถานะพิเศษ จึงถวายคำนับเพียงกึ่งเดียวเท่านั้น

“ข้าเรียกพวกเจ้าเข้าวังด้วยเรื่องใด พวกเจ้าคงรู้กระมัง?” ฟ่านหยวนซีถาม

“เรียนฝ่าบาท พอรู้มาบ้างเพคะ” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ หม่อมฉันทำให้หยางเซียงจวินเป็นอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีอะไรไม่อาจยอมรับ”

“อุบัติเหตุหรือ? บาดเจ็บโดยบังเอิญหรือ ลูกสาวที่น่าสงสารของกระหม่อมผู้นั้นเป็นตายไม่แน่ชัด กระทั่งตื่นนางยังไม่ตื่นเสียด้วยซ้ำ” หยางจวิ้นอ๋องร้องไห้ประหนึ่งทารกเฒ่าไม่ได้ขนม

“หยางจวิ้นอ๋องไม่ได้เห็นหยางเซียงจวินตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ รู้ได้อย่างไรว่านางยังไม่ตื่น? รู้ได้อย่างไรว่านางเป็นตายร้ายดีไม่แน่ชัด? หรือว่าคนสกุลหลี่ส่งข่าวให้ท่านเช่นนี้ หากเป็นเช่นนั้น ขอฝ่าบาทได้โปรดเรียกตัวคนสกุลหลี่เข้าวัง แล้วพวกเรามาตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เถิด” น้ำเสียงของลู่จื่อวิ๋นอ่อนหวานรื่นหู หากใช้น้ำเสียงนี้ร้องเพลง คงทำให้ใครหลาย ๆ หลงใหลเป็นแน่

อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงนุ่มนวลประดุจน้ำค้างในช่วงวสันตฤดูยามเอ่ยออกมานั้นกลับทำให้หยางจวิ้นอ๋อง จิ้งจอกเฒ่าที่อยู่มานานหลายทศวรรษพลันตัวแข็งทื่อและเหงื่อกาฬชุ่มโชกแผ่นหลัง

“ถึงแม้กระหม่อมจะไม่ได้ไปดู แต่ก็ส่งคนไปสอบถามเรื่องนี้”

“ส่งคนไปสอบถามแล้ว รู้ว่าบุตรีของตนเป็นตายร้ายดีไม่แน่ชัด ท่านกลับไม่รีบร้อนไปพบนาง แต่วิ่งเข้าวังมาร้องไห้ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หรือท่านคิดว่าหากท่านร้องไห้ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท บุตรีแก้วตาดวงใจของท่านก็จะฟื้นหรือ?” ลู่จื่อชิงเอ่ยอย่างใจเย็น

“ที่นี่เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะกล่าวคำที่สุด หากไม่ใช่เพราะเจ้า ลูกสาวของข้าคงไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้” หยางจวิ้นอ๋องเอ่ยด้วยความโกรธ

“ลูกสาวท่านเริ่มก่อน ข้าไม่ใช่พวกกินพืช มีสิทธิ์อะไรไม่ให้ข้าโต้กลับ? เพียงแต่ข้านึกไม่ถึงว่ายามนางผลักข้า ข้าไม่เป็นไร ทว่ายามข้าผลักนาง นางกลับประหนึ่งเป็นกระดาษไปอย่างไรอย่างนั้น” สิ้นคำ ลู่จื่อชิงก็หันไปเอ่ยกับฟ่านหยวนซี “ฝ่าบาท เรื่องนี้หม่อมฉันมีส่วนผิดจริง หม่อมฉันไม่ได้ประเมินร่างกระดาษของนางให้ดีเสียก่อน หากรู้เสียแต่เนิ่น ๆ หม่อมฉันคงจะผลักเบา ๆ หน่อย”

“เจ้า…”

“เสด็จพ่อบุญธรรม พวกเราเพิ่งมาจากจวนหลี่ หม่อมฉันฝากฝังให้หมอหลวงที่พึ่งพาได้ข้างกายหม่อมฉันไปรักษาหยางเซียงจวินแล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาด นางควรฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้”

หยางจวิ้นอ๋องร้องไห้ระงม “องค์หญิง ท่านเอ่ยเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าท่านกำลังกล่าววาจาหลอกลวงฝ่าบาท ลูกสาวแก้วตาดวงใจข้าได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หมอหลวงหลินยังกล่าวว่านางไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว”

“ฮูหยินเซี่ยเป็นศิษย์พี่หญิงของเจ้าหุบเขาเทพโอสถ ร่ำเรียนมาจากสำนักเดียวกัน นางบอกว่ารักษาได้ เช่นนั้นก็รักษาได้ หยางจวิ๋นอ๋องตื่นเต้นเพียงนี้ หรือท่านหวังว่าลูกสาวของตนจะรักษาไม่หาย?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม

“เหลวไหล แน่นอนว่าข้าหวังว่าลูกจะสบายดี” หยางจวิ้นอ๋องเอ่ย “ไม่ว่าลูกสาวของข้าจะหายดีหรือไม่ อย่างไรเรื่องที่คุณหนูรองลู่ทำร้ายลูกสาวข้าก็เป็นความจริงกระมัง? เพียงเพราะรักษาลูกข้าได้ ก็ไม่อาจไม่ต้องทำโทษนางแล้ว”

“เด็กสองคนทะเลาะกัน อย่างไรก็ต้องหาสาเหตุ” สิ้นคำ ฟ่านหยวนซีก็หันไปเอ่ยกับขันทีที่อยู่ข้าง ๆ “แม่ทัพอิงกลับมาแล้วหรือยัง?”

ขันทีมองออกไปนอกวัง “มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามาถวายบังคมต่อฟ่านหยวนซี

เบื้องหลังเขามีผู้ติดตามผู้หนึ่ง

“ตรวจสอบได้ความว่าอย่างไร?” ฟ่านหยวนซีเอ่ยอย่างใจเย็น

แม่ทัพอิงกล่าว “นี่คือเจี่ยหมิงที่รับผิดชอบในการตรวจสอบ เขาสามารถเรียกดูสถานการณ์ในยามนั้นได้พ่ะย่ะค่ะ”

เจี่ยหมิงคำนับ จากนั้นก็แสดงภาพฉากการโต้แย้งด้วยน้ำเสียงที่ต่างกันหลาย ๆ เสียง

ลู่จื่อชิงมองเจี่ยหมิงด้วยความประหลาดใจ

เจี่ยหมิงไม่เพียงแต่เลียนแบบเสียงของหยางเซียงจวินและหลี่เยียนหรานเท่านั้น แต่ยังเลียนแบบเสียงของนางได้ด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น หากมีคุณหนูสูงศักดิ์คนอื่นเอ่ยขึ้นมา เขาก็เลียนแบบพวกนางออกมาด้วยเช่นกัน

หากนางไม่ได้เห็นด้วยตาของนางเอง คงคิดว่านี่เป็นคำพูดของนางเองจริง ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย