สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 1064

สรุปบท บทที่ 1064 ตามหาลู่จื่ออวิ๋น: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

ตอน บทที่ 1064 ตามหาลู่จื่ออวิ๋น จาก สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1064 ตามหาลู่จื่ออวิ๋น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายจีนโบราณ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 1064 ตามหาลู่จื่ออวิ๋น

บทที่ 1064 ตามหาลู่จื่ออวิ๋น

เจิ้งซูอวี้แต่งหน้าเป็นพิเศษเพื่อให้ตนเองสีหน้าดีขึ้นและดูมีชีวิตชีวา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่านางจะบรรจงแต่งหน้าเพียงใดก็ยังคงมองออกว่านางดูซีดเซียว

คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนเป็นมนุษย์ มองออกว่านางเหลือเพียงร่างกายที่กลวงเปล่าแล้ว หากดูแลตนเองดี ๆ อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามปี หากไม่ดูแลตนเองให้ดี เกรงว่าจะดับสิ้นไปภายในปีนี้

เจิ้งซูอวี้ยิ้มบาง ๆ “ข้าใช้โชคทั้งหมดไปก็เพื่อให้มีวาสนาได้พบกับพระชายา”

“กิจการสกุลฉินของพวกท่านจะไม่สนใจแล้วจริง ๆ หรือ?”

“เหตุใดจะไม่สนใจเล่า? คนในสกุลได้รับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งซึ่งเพียงพอให้พวกเขากินอิ่มนอนอุ่นแล้ว สำหรับเรา เราทำงานหนักมาหลายปี ถึงเวลาพักผ่อนเสียที ทรัพย์สินที่เหลือมีแม่บุญธรรมของซินเอ๋อร์ดูแล ภายหน้าส่งมอบให้พวกเขาก็สิ้นเรื่องแล้ว”

“ท่านวางใจได้เสียเหลือเกิน ไม่กลัว…”

“ฮูหยินหลี่ ท่านคิดว่าพระชายาขาดทรัพย์สินเล็กน้อยนี้ของสกุลฉินเรา หรือว่าท่านอ๋องขาดของเล็กน้อยเหล่านี้หรือ?” เจิ้งซูอวี้มองนางอย่างเย็นชา “ระวังปัญหาจะเกิดเพราะปาก”

หลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ฉินเหวินหานก็พาภรรยาและลูกจากไป

มู่ซืออวี่รู้ดีว่าฉินเหวินหานกำลังหลบซ่อนจากคนของพรรคเทพจันทรา

เพราะเขาทำให้คนของพรรคเทพจันทราต้องสูญเสียกำลังคนไปกว่าครึ่ง หนี้ก้อนนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง เขาพาภรรยาและลูก ๆ ไปที่เมืองถงหยาง ประการแรก เพราะที่นั่นมีหุบเขาเทพโอสถที่มีการแพทย์ดีที่สุด ประการที่สอง เพราะมีสำนักศึกษาที่ดีที่สุดอยู่ที่นั่น ประการที่สาม ที่นั่นเป็นอาณาเขตของมู่เจิ้งหาน มีมู่เจิ้งหานคอยดูแล นอกจากนี้ยังมีกิจการของพวกเขาอีกด้วย อาศัยเพียงไม่กี่ร้านก็สามารถใช้ชีวิตดี ๆ ได้แล้ว

หลังจากเจิ้งซูอวี้จากไป มู่ซืออวี่ไม่มีความยึดติดอะไรกับเมืองฮู่เป่ยอีกจึงเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวง

ก่อนออกเดินทาง นางเป็นตัวแทนของสกุลลู่ไปเยี่ยมสุสานบรรพบุรุษ กลับไปยังบ้านเดิมของตน

ครั้งนี้นางเคลื่อนไพร่พลอย่างเอิกเกริก ชาวบ้านต่างหวาดกลัวนางราวกับเป็นเสือ ไม่กล้าเข้าใกล้

นางฝากเงินจำนวนหนึ่งไว้ที่สกุล บอกให้พวกเขาช่วยดูแลบ้านเดิมของนาง

ขณะที่นางกำลังจะออกเดินทาง หลี่หงซูก็มาส่ง

“ขอให้พระชายาเดินทางอย่างราบรื่นเจ้าค่ะ” หลี่หงซูค้อมคำนับ

มู่ซืออวี่นั่งอยู่บนรถม้า มองหลี่หงซูแล้วกล่าว “ข้ายังจดจำได้ว่า เมื่อเราพบกันคราแรกท่านและข้าล้วนยังเยาว์วัยและงดงาม ดวงตามีประกาย ฮูหยินหยาง ท่านไม่ต้องพึ่งพาผู้ใดก็สามารถมีชีวิตที่มั่นคง ดูแลลูก ๆ ของท่านให้ดีได้”

หลี่หงซูมองรถม้าของมู่ซืออวี่เคลื่อนออกไป แววตาของนางล่องลอย

นางไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้ใดหรือ?

นางแทบจำไม่ได้ว่าตอนที่ตนยังเยาว์วัยเป็นอย่างไร

“พระชายา” ลู่เยี่ยยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งเข้ามา “เมื่อครู่มีรายงานมา คงมาจากพรรคเทพจันทรา ข้างในเขียนไว้ว่าคุณหนูใหญ่ของเราตกอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว”

มู่ซืออวี่รีบร้อนรับมาอ่านเนื้อหา

“จะเป็นหลุมพรางหรือไม่?” ชิงไต้เอ่ยถาม

“ข้างในเขียนไว้ชัดเจนว่าลอบโจมตีนางเมื่อใด นางตกน้ำไปเมื่อใด อีกทั้งนำนางขึ้นมาจากที่ใด ดูสมจริงยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ พวกเราก็ไม่อาจเสี่ยง จะต้องค้นหาให้พบ”

“ดูจากเวลาแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน” เจ๋อหลานเอ่ยจากด้านข้าง “จากข้อมูลนี้ พวกเราก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นหาคุณหนูใหญ่จากที่ใด”

“เหตุการณ์เรือล่ม เหตุการณ์ที่ลานหรรษา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของพรรคเทพจันทรา” มู่ซืออวี่กล่าว “หากอีกฝ่ายคิดจะตกปลา พวกเราก็ทำได้เพียงงับเหยื่อ ตามเหยื่อนี้ไปหาคน”

ด้วยข้อมูลนี้ พวกเขาจึงเปลี่ยนเส้นทาง

พวกเขาต้องไปหาลู่จื่อวิ๋น

ขณะเดียวกันก็มีประกาศนี้บนกระดานข่าวของหน่วยงานราชการตามสถานที่ต่าง ๆ กล่าวว่าพรรคเทพจันทราเป็นลัทธิ ผู้ใดที่ปกป้องพรรคเทพจันทราซึ่งเป็นกบฏจะได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

“เกี่ยวข้องกับพรรคเทพจันทราอีกแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่เดา

ระหว่างทางเจอเหตุการณ์ ‘พรรคเทพจันทรา’ มากเกินไปแล้ว

“ราษฎรไม่กล่าวอะไร เพียงแค่บอกว่าเจ้าหน้าที่ทางการไม่ได้ดูแลอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ห้องขังก็เป็นสถานที่ที่สำคัญ โดยปกติมีหลายประตู จะผ่อนปรนเฉพาะเพียงตอนส่งอาหาร นอกจากนี้ ถึงแม้จะมีประตูหนึ่งบานหรือสองบานไม่ได้ปิดเอาไว้ คงไม่ใช่นักโทษทุกคนจะสามารถหลบหนีไปได้ บางครั้งอาจมีคนจงใจทำเช่นนี้”

“พวกเราไปศาลาว่าการกันเถอะ”

เจ้าหน้าที่ทางการกำลังปวดหัว เมื่อไม่นานมานี้ มีคนสูงศักดิ์ผู้หนึ่งหายตัวไปใกล้ ๆ จึงมีคนหลายกลุ่มมาตรวจสอบ บัดนี้ดีนัก ผู้ที่มาตรวจสอบยังไม่ไป นักโทษประหารก็หลบหนีไปแล้ว

เกรงว่าหมวกขุนนางบนหัวเขาคงรักษาเอาไว้ไม่ได้อีก

“ใต้เท้า ข้างนอกมีคนแอบอ้างว่าเป็นพระชายาลู่ขอรับ”

นายอำเภอขยับหมวกขุนนางบนหัวให้เข้าที่เข้าทาง ถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วก้าวออกไปข้างนอก

มู่ซืออวี่กำลังคุยกับใครบางคนอยู่ในขณะนี้ และคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนของสกุลลู่

นางจึงได้รู้ว่าเซี่ยเฉิงจิ่นพาคนกลุ่มหนึ่งมาที่นี่เพื่อตามหาลู่จื่ออวิ๋น

“ท่านเขยของพวกเจ้าตอนนี้อยู่ที่ใด?”

“ท่านเขยออกไปสืบหาเบาะแสข้างนอกทุกวันตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับมาก็เย็นย่ำ ด้วยหวังว่าจะพบคุณหนูใหญ่โดยเร็วที่สุดขอรับ”

“เช่นนั้นพวกเจ้ารั้งอยู่ทำอะไรที่นี่?”

“ไม่ใช่ว่านักโทษชั่วร้ายจำนวนมากหลบหนีออกจากศาลาว่าการแห่งนี้หรือขอรับ นักโทษเหล่านั้นหลบหนีออกมาแล้วก็ทำความชั่ว หมู่นี้จึงเกิดคดีขึ้นไม่น้อย ท่านเขยบอกว่านายอำเภอมีคนไม่เพียงพอจับนักโทษเหล่านั้นจึงให้พวกเรารั้งอยู่ช่วยเหลือ ทางท่านเขยนั้นไม่ขาดคน พระชายาวางใจได้ขอรับ”

“พระชายา มีคนส่งจดหมายฉบับนี้มาให้เจ้าค่ะ” เจ๋อหลานเดินเข้ามาพร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง “เมื่อครู่มีขอทานน้อยเดินเข้ามา เขาบอกว่ามีคนบอกให้นำมามอบให้ท่าน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย