สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 1086

บทที่ 1086 จิตใจทะเยอทะยานต้องคู่กับความแข็งแกร่ง

บทที่ 1086 จิตใจทะเยอทะยานต้องคู่กับความแข็งแกร่ง

กองทัพสกุลฉีจับกุมผู้คนไปทุกหนทุกแห่งหลายวันติดต่อกัน

หลังจากมีพระราชโองการลงมามากมาย ทุกคนต่างรู้ว่าสกุลลู่กำลัง ‘กบฏ’ ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้ผู้ที่ให้ความสำคัญกับสกุลลู่มาโดยตลอดคงไม่ออกราชโองการจับกุมสกุลลู่เช่นนี้

กองทัพสกุลฉียึดครองทั้งเมืองหลวงไว้ได้ ขณะที่ด้านนอก…

ฟ่านซู่ทางนั้นมีข่าวมา ไม่ว่าเขาจะนำกองทัพส่วนตัวไปที่ใด เหล่าขุนนางต่างสวามิภักดิ์คนแล้วคนเล่า

เดิมทีอำนาจทางทหารอยู่ในมือของสกุลฉี ลู่อี้ทางนั้นพลาดโอกาสแล้ว การกบฏครั้งนี้สำเร็จไปเกินกว่าครึ่ง เหลือเพียงก้าวสุดท้ายก็จะขับไล่ฮ่องเต้ไร้ความสามารถผู้นั้นออกไปได้

ฉีเจินนำทัพบุกเข้าวังหลวงเพื่อควบคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ

เขายืนอยู่หน้าบัลลังก์มังกร มองฟ่านหยวนซีผู้มีสีหน้าโหดเหี้ยมซึ่งถูกมัดไว้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอหังการลำพองใจอย่างผู้ชนะ

“หากอยากพบองค์รัชทายาทน้อย เช่นนั้นก็เขียนราชโองการสืบทอดราชบัลลังก์เสีย!” ฉีเจินกล่าวอย่างจองหอง “เหตุผลล้วนเตรียมไว้แล้ว ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทถูกกบฏลู่ทำร้าย อีกทั้งพิษของฝิ่นยังไม่อาจกำจัด ชีวิตนี้จึงต้องส่งต่อราชบัลลังก์ให้กับแม่ทัพฉีผู้ช่วยจับกบฏปกป้องความสงบสุขของบ้านเมือง ส่วนกบฏลู่นั้นน่ารังเกียจ ให้ลงโทษด้วยการบั่นศีรษะทั้งสกุล ประหารเก้าชั่วโคตร”

ฟ่านหยวนซีฝืนทนความเจ็บปวด หลังจากได้ยินคำพูดของฉีเจินก็เอ่ยด้วยโทสะ “ฝันไปเถอะ!”

“ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะนับถืออ๋องลู่ผู้นั้นเป็นพี่น้องจริง ๆ! น่าเสียดายที่ในสายตาของอ๋องลู่ ฮ่องเต้ผู้นี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไร ดูสิ เพื่อสตรีนางหนึ่งแล้ว เขากลับปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่เห็นแม้กระทั่งเงา เดิมทีคิดจะต่อสู้กับอ๋องลู่สักตั้ง ผลที่ได้กลับน่าเบื่อจริง ๆ เจ้าคนไม่รักศักดิ์ศรีไร้ประโยชน์นั่นเดิมทีก็ไม่คิดเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย!”

“อ๋องลู่เดิมทีก็ไม่ได้สนใจต่อสู้กับคนน่ารังเกียจเช่นเจ้าต่างหาก” ฟ่านหยวนซีแค่นเสียงอย่างลำบาก “หากเจ้าต้องการบัลลังก์ก็ย่อมได้ ฆ่าข้าสิ! ฆ่าข้าแล้วเจ้าก็เอาบัลลังก์ไปเสีย”

“ท่านอย่าได้คิดว่าข้าไม่กล้า!” ฉีเจินกระชากคอเสื้อฟ่านหยวนซีดึงเขาขึ้นมา “ข้าจะบอกท่านให้ บัลลังก์นี้แม้นท่านไม่อยากสละก็จำต้องสละ ท่านไม่กลัวตาย แล้วสตรีและลูกของท่านไม่กลัวตายหรือ? ฮองเฮาผู้นั้นของท่านหน้าตาไม่เลว ถึงแม้จะไม่เยาว์วัยแล้ว ทว่าเสน่ห์ยังพอมีอยู่บ้าง ทหารเหล่านั้นของข้าไม่เคยเล่นกับสตรีสูงศักดิ์เพียงนี้มาก่อน ท่านอยากดูละครดี ๆ สักเรื่องก่อนตายหรือไม่?”

“ฉีเจิน! สกุลฉีอย่างไรก็เป็นชนชั้นสูง เจ้าโสมมถึงเพียงนี้ ไม่กลัวหรือว่าบรรพบุรุษสกุลฉีจะลุกขึ้นมาหาเจ้ากลางดึก?”

“เช่นนั้นก็ให้พวกเขามา! ข้าทำให้สกุลฉีได้เป็นราชวงศ์ ทำให้พวกเขาได้รับธูปบูชามากขึ้น พวกเขาควรจะขอบคุณข้า โลกนี้ไม่มีเจ้าของที่แท้จริง ผู้ใดคว้าได้ก็เป็นของผู้นั้น”

“เช่นนั้นฟ่านซู่เล่า? เจ้าดึงฟ่านซู่มาได้ คงเป็นเพราะสัญญาจะยกบัลลังก์ให้เขากระมัง?”

“เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้หนึ่งริอ่านจะแข่งกับข้าหรือ? แม้กระทั่งท่านหรือลู่อี้ ข้ายังไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา แล้วจะเห็นเขาอยู่ในสายตาได้อย่างไร? เพียงแค่ชื่อเขามีประโยชน์ ใช้ชื่อเขาดึงผู้มีความสามารถมาเป็นพรรคพวกได้มากยิ่งกว่า พรรคเทพจันทรา ท่านคงรู้จักกระมัง? คนส่วนใหญ่ของพรรคเทพจันทราเป็นเศษเดนของอาณาจักรเหลียง พวกเขายังรอฟ่านซู่ผู้สืบทอดสายเลือดของฟ่านเหยี่ยนให้ฟื้นฟูอาณาจักรของพวกเขาอยู่!”

เกิดเสียงต่อสู้ดังมาจากด้านนอก

ฉีเจินได้ยินเสียงจึงตะโกนถาม “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?”

คนผู้หนึ่งผลุนผลันวิ่งเข้ามา

เขาถูกลูกธนูปักเข้าที่หน้าอก ยามนี้กำลังกุมบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ กระอักเลือดออกมาเต็มปาก “ท่านแม่ทัพ จู่ ๆ ก็มีคนในอาภรณ์สีน้ำเงินปรากฏตัวขึ้นขอรับ”

คนของฉีเจินสวมเครื่องแต่งกายทหารสีแดง

“มาจากที่ใด?”

“ไม่ทราบ…” สิ้นคำ คนผู้นั้นก็ล้มลงตายอยู่ที่พื้นทันที

ฉีเจินชักกระบี่ออกมา เตรียมออกไปดูข้างนอก

ฟึ่บ! มีร่างหนึ่งกระโจนเข้ามา

เป็นลู่จื่อชิง

เด็กน้อยกะโหลกกะลาผู้หนึ่ง

ฉีเจินจ้องมองลู่จื่อชิงซึ่งเกล้าผมขึ้นเป็นหางม้าสูง แต่งกายอย่างคนในยุทธภพ ด้านหลังนางมีจอมยุทธ์ในยุทธภพเหล่านั้น

“เจ้าเข้ามาในวังได้อย่างไร?”

เห็นได้ชัดว่าทางเข้าวังได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา แม้กระทั่งแมลงวันสักตัวก็บินเข้ามาไม่ได้

“อยากรู้หรือ? รอเจ้าใกล้ตาย แล้วข้าจะบอกให้!” ลู่จื่อชิงลงมือต่อสู้กับฉีเจินทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ น่าเสียดายที่ฟ่านหยวนซีไม่มีแรง หากเขามีแรง คงต้องสั่งสอนลู่จื่อชิงชักสักบทเรียนอย่างแน่นอน

นั่นผู้ใด?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย