สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 1105

บทที่ 1105 ตอนพิเศษ (9)

บทที่ 1105 ตอนพิเศษ (9)

หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ผิดสัญญา วันรุ่งขึ้นเขาก็ไปรายงานต่อทางการ ราว ๆ สองชั่วยามถัดมา นักการก็มาพาตัวฝางซิ่วหลานออกไป

เหตุการณ์คืนนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่เห็นทั้งหมด ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามในหมู่บ้านที่ห่างไกลแห่งนี้ ความรักที่มีต่อการนินทาว่าร้ายของผู้คนสามารถเอาชนะทุกสิ่ง ดังนั้นในตอนเช้าตรู่สตรีหลายคนจึงเดินออกไปพูดคุยกับบ้านข้าง ๆ ต่อกันไปเป็นทอด ๆ เกือบทุกคนในหมู่บ้านจึงรู้เรื่องเลวร้ายที่ฝางซิ่วหลานทำ

ฝางซิ่วหลานถูกคุมตัวไป โดยมีคนในหมู่บ้านไม่น้อยปรบมือ แสดงให้เห็นว่าฝางซิ่วหลานผู้นี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่บ้านเพียงใด

อวี๋ซื่อเห็นฝางซิ่วหลานถูกคุมตัวไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบหายใจไม่ออก

“ข้าทำบาปอะไรไว้กัน!” อวี๋ซื่อร้องไห้พลางตบแข้งตบขา “นับแต่นางตัวปัญหาผู้นี้เข้าบ้านเรามา ทุกอย่างก็ผิดพลาดไปหมด! สวรรค์หนอสวรรค์ ยังจะเหลือทางรอดให้เราหรือไม่?”

สตรีหลายคนในหมู่บ้านต่างขยิบตาให้กันราวกับกำลังดูแคลนอวี๋ซื่อ

ตอนนั้นอวี๋ซื่อบีบแม่ของหลิวจิ่วจู๋ให้ตายจากการคลอดบุตร ต่อมาภายหลังก็แต่งให้หลิ่วซานเฉวียนสมปรารถนา อีกทั้งยังเป่าหูหลิ่วซานเฉวียนให้แตกหักกับท่านย่าหลิ่ว แน่นอนว่าต้องได้รับกรรมคืนสนอง

“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หลิ่วซานเฉวียนและหลิ่วจินเปยแบกสัมภาระกลับมา

เมื่อหลิ่วซานเฉวียนเห็นอวี๋ซื่อร้องไห้เช่นนั้น แววตาก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ “เจ้าทะเลาะกับผู้ใดอีก?”

อวี๋ซื่อหยุดร้องไห้ในทันที

หางตายังคงมีน้ำตาสองหยด หยดหนึ่งจริง หยดหนึ่งปลอม ยามนี้น้ำตาสองหยดนั้นอาบลงมาบนใบหน้าแก่ ๆ ของนาง ทว่ากลับไม่ได้ดูน่าสงสารเหมือนยามที่ยังเป็นสาว ดูเหมือนสตรีปากร้ายเสียมากกว่า

อวี๋ซื่อยามสาวจะต้องเป็นคนงามผู้หนึ่ง ไม่เช่นนั้น หลิ่วซานเฉวียนคงไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ความแปลกใหม่ในตอนนั้นได้จางหายไปนานแล้ว เพียงแต่เวลานี้ไม่มีทางให้ถอย เขาจึงจำต้องกัดฟันทนเดินหน้าต่อไป

“พวกท่านกลับมาได้อย่างไร?” ความกังวลของอวี๋ซื่อตีตื้นขึ้นมา

“เจ้านายจ่ายเงินเดือนแล้ว พวกเราจึงซื้ออาหารกลับมา พวกเจ้าแม่สามีกับลูกสะใภ้จะได้ไม่ต้องอดตาย” หลิ่วซานเฉวียนกล่าว

“พวกท่านไม่ได้เจอสะใภ้จินเปยหรือ?” สตรีข้าง ๆ คงกังวลว่าโลกนี้จะยังวุ่นวายไม่พอ

ยิ่งอวี๋ซื่อกลัวสิ่งใด นางก็ยิ่งอยากเอ่ยถึงสิ่งนั้น อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ครอบครัวนางที่ต้องอับอายนี้ อวี๋ซื่อไม่กล้าพูด แล้วนางมีอะไรให้ไม่กล้าพูดกัน?

“หลานเอ๋อร์อยู่ที่ใดหรือ?” หลิ่วจินเปยมองไปรอบ ๆ “ข้าไม่เห็นหลานเอ๋อร์เลย! หลานเอ๋อร์…หลานเอ๋อร์…”

หลิ่วจินเปยตะโกนหาไปรอบ ๆ “ข้าซื้อแป้งหมี่ขาวที่เจ้าชอบกินมาแล้ว คืนนี้ข้าจะทำเกี๊ยวให้เจ้ากิน!”

“พอแล้ว จินเปย เจ้าไม่ต้องตะโกนหรอก ภรรยาเจ้าไม่ออกมาแล้ว” ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมา “เมื่อครู่พวกท่านกลับมาจากทางใด? หากใช้ถนนหลวง คงได้พบนักการเหล่านั้นกระมัง?”

“นักการอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดข้าไม่เห็นภรรยาข้าล่ะ? เมื่อครู่เราไม่ได้ใช้ทางหลวงหากแต่ใช้ทางลัด พวกท่านก็รู้ ทางลัดไม่สะดวก แต่รวดเร็วนี่!”

“ไม่น่าเล่าเจ้าถึงได้ไม่พบนักการ” ชายผู้นั้นกล่าวต่อไป “ภรรยาของเจ้าเป็นสตรีใจคอโหดเหี้ยมจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าเมื่อวานจะคิดฆ่านังหนูจิ่วขึ้นมา…”

ชายผู้นั้นคิดให้ถี่ถ้วน แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ

เขาเล่าเป็นฉาก ๆ ราวกับเรื่องราวเหล่านั้นมีชีวิตขึ้นมา หากไม่รู้ยังจะคิดว่าเขาเห็นด้วยตาตนเองทว่าอันที่จริงเขาก็ฟังมาจากสตรีข้าง ๆ จากนั้นก็นำเรื่องทั้งหมดมาขยาย คลายความสงสัยให้หลิ่วจินเปย

“เป็นไปไม่ได้!” หลิ่วจินเปยเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อ “หลานเอ๋อร์เป็นคนอ่อนโยนมีน้ำใจ นางจะทำร้ายคนได้อย่างไร? หลิวจิ่วจู๋ใส่ร้ายนางใช่หรือไม่? หลิวจิ่วจู๋ ข้าจะไปชำระบัญชีกับนาง!”

“ลูกรัก…” อวี๋ซื่อขวางหลิ่วจินเปยไว้ “ลูกรัก เจ้าอย่าโง่สิ หลิวจิ่วจู๋มีสามีเป็นดาวมาร หากเจ้าไปสร้างปัญหาให้นาง นั่นไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ? อีกอย่าง… คำพูดเหล่านั้นเป็นฝางซิ่วหลานสตรีเหม็นโฉ่ผู้นั้นยอมรับออกมาเอง ทุกคนในหมู่บ้านล้วนได้ยิน นางจึงถูกหัวหน้าหมู่บ้านและคนของเขาจับตัวไป”

“ใช่แล้ว เมื่อคืนข้าได้ยินกับหูตนเอง ฝางซิ่วหลานคิดว่าหลิวจิ่วจู๋ตายแล้ว หลิวจิ่วจู๋แกล้งทำเป็นผีจะมาเอาชีวิตนาง นางกลัวจึงสารภาพทุกอย่างออกมา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย