สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 133

บทที่ 133 ถูกนำตัวไปแล้ว

บทที่ 133 ถูกนำตัวไปแล้ว

“มีคนร้องเรียนว่าพวกเจ้าใส่ดอกฝิ่นลงไปในอาหาร ไปกับพวกเราเดี๋ยวนี้!” นักการเกาแจ้งอย่างเยือกเย็น

ผู้จัดการร้านตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “ใต้เท้า ข้าถูกปรักปรำ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ดอกฝิ่นเป็นของที่อันตรายเพียงใด ราชวงศ์ก่อนล้วนได้รับความเสียหายอย่างหนักเพราะมัน ราชสำนักจึงประกาศข้อห้ามออกมา ข้าน้อยย่อมไม่กล้าฝ่าฝืน!”

นักการหนุ่มคนหนึ่งออกมาจากห้องครัว เอ่ยกับนักการเกาว่า “หัวหน้า พบดอกฝิ่นข้างในจำนวนมากขอรับ”

“จะเป็นไปได้อย่างไร?” ผู้จัดการร้านมองดอกฝิ่นในมือของนักการหนุ่ม ใบหน้าซีดเผือดลงทันที “ไม่ ไม่ จะต้องมีคนใส่ร้ายร้านของเราแน่นอน”

“พอได้แล้ว พวกเราเป็นเพียงข้ารับใช้เล็ก ๆ รับผิดชอบในการจับกุมคนตามคำสั่งเท่านั้น หากเจ้ามีความคับข้องใจก็ไปให้ท่านใต้เท้าตัดสิน”

คนที่กำลังทานอาหารอยู่ เมื่อถูกนักการไล่ออกไปก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่พอรู้ว่าร้านอาหารร้านนี้ใช้ดอกฝิ่นก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดอีก แต่ละคนล้วนวิ่งเร็วยิ่งกว่าใคร

นักการเกานำตัวเขาไปขังไว้ในคุก เมื่อมาถึงที่ทำงานของเสมียนประจำฝ่ายราชทัณฑ์ก็พูดกับลู่อี้ว่า “เสมียนลู่ ใต้เท้าเรียนเชิญ”

ลู่อี้ตวัดพู่กันลากเส้นสุดท้ายลงไป “รอสักครู่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

นักการเกาพยักหน้ารับแล้วจากไป

ลู่อี้ปิดผนึกสิ่งที่เขากำลังเขียนแล้วเอ่ยกับเวินเหวินซง “บ่ายนี้ข้าจะไปหมู่บ้านฉือโถว พี่เวินมีเวลาสักหน่อยหรือไม่?”

ดวงตาของเวินเหวินซงเปล่งประกายขึ้นมา “มี ๆ หากเจ้างานยุ่งมาก ข้าจะไปกับเจ้า”

ถังซานอวี่ปรายตามองเวินเหวินซงอย่างดูถูก

คดีของหมู่บ้านฉือโถวนั้นทำไปก็ไม่มีผลดีอันใด ยังควรค่าให้เขาสนใจอีกหรือ?

ลู่อี้ไปหานักการเกาแล้วประสานมือคำนับ “พี่เกา”

“ฮ่าฮ่า หากเป็นเรื่องที่น้องลู่ให้ข้าทำ ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว” นักการเกายิ้มออกมาพร้อมทำหน้ามีเล่ห์เหลี่ยม

ลู่อี้นำหินก้อนหนึ่งออกมาแล้วส่งให้นักการเกา “หินก้อนนี้ข้าได้รับมาโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าคือสิ่งใด ต้องรบกวนพี่เกาช่วยข้าตรวจสอบแล้ว”

“ไม่มีปัญหา ๆ” นักการเกาเก็บ ‘หิน’ ก้อนนั้นไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“หากไม่มีเรื่องอื่น ข้าคงต้องกลับไปก่อนแล้ว”

นักการเกามองแผ่นหลังของลู่อี้แล้วพึมพำกับตนเอง “อย่าได้เป็นศัตรูกับคนผู้นี้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นตายเช่นไรก็อาจไม่รู้ตัว”

“ท่านหัวหน้า…” หลินซาน นักการหนุ่มข้าง ๆ ขยับเข้ามา “สิ่งที่เราทำไม่ถูกต้องนะขอรับ”

“ความถูกต้องงั้นรึ? เจ้าอยากได้ความถูกต้องอะไร?” นักการเกาเย้ยหยันเสียงเย็นเยือก “เหตุใดถึงเกิดเรื่องกับภัตตาคารเจียงซื่อโดยไร้สาเหตุ เจ้าคิดว่าทุกคนไม่รู้หรือ? เราเพียงแค่ไม่พบหลักฐานเท่านั้น จึงไม่อาจจับคนของภัตตาคารหมายเลขหนึ่งได้ ในตอนที่ชายผู้นั้นทำลายผู้อื่นก็ควรคิดว่าต้องมีวันนี้ เขาลอบกัดผู้อื่นได้ ผู้อื่นก็ลอบกัดเขาได้เช่นเดียวกัน ซานซานเอ๋ย เจ้าต้องจำเอาไว้ บนโลกนี้ไม่มีขาวหรือดำสนิทหรอก ลู่อี้ผู้นี้ไร้ความปรานีจริง แต่ว่า…”

เขาให้ความสำคัญกับมิตรภาพเป็นอย่างมาก

จริง ๆ แล้วภัตตาคารเจียงซื่อกับลู่อี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เขาจึงไม่จำเป็นต้องออกหน้าแทน

แต่ผู้จัดการร้านภัตตาคารเจียงซื่อดีต่อภรรยาของเขา ถึงจะไม่มีหนทางช่วยออกหน้า แต่ย่อมมีวิธีอื่นที่จะทวงความยุติธรรมให้

หากกล่าวให้ชัดคือ กับคนผู้นี้คบหาเป็นสหายได้เท่านั้น ไม่อาจเป็นศัตรูด้วยได้

“ไป เอาของสิ่งนี้ไปแลก เดือนนี้เราสองพี่น้องมีเงินมากพอดื่มสุราแล้ว”

“ฮ่าฮ่า”

นายอำเภอฉินมองคำร้องที่ยื่นเข้ามา ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ดอกฝิ่นงั้นหรือ?”

“ขอรับ” ที่ปรึกษาข้างกายเขาเอ่ยขึ้น “มีคนยื่นคำร้องว่าภัตตาคารหมายเลขหนึ่งใช้ดอกฝิ่นทำร้ายคน นักการเกาพบดอกฝิ่นจำนวนมากในครัวของพวกเขา”

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ” นายอำเภอฉินกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เหตุใดจึงมีดอกฝิ่นในพื้นที่ของพวกเรา?”

“เรื่องนี้…” ที่ปรึกษาไม่เข้าใจเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย