สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 194

บทที่ 194 มีเจตนาซ่อนเร้นกับท่านอา

บทที่ 194 มีเจตนาซ่อนเร้นกับท่านอา

หวังไฉ่เหลียนเขินอาย “ที่อื่นล้วนไม่ยอมให้สตรีเล่าเรียน มีเพียงสำนักศึกษาของท่านอาจารย์ลู่ที่รับ หวังว่าพี่สะใภ้ลู่จะยอมให้บ้าง”

มู่ซืออวี่เอ่ยเบา ๆ ว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องการผ่อนปรน เจ้าเป็นแม่นาง น้องชายสามีข้าเป็นชายหนุ่มวัยที่ควรแต่งงานแล้ว เช่นนี้ไม่เหมาะสม”

“นางแค่อยากรู้หนังสือเพียงไม่กี่คำเอง!” สายตาของหวังซื่อวาววับ

สิ่งที่ต้องการก็คือ ‘ความไม่เหมาะสม’ เช่นนี้แหละ ไม่เช่นนั้นจะจับคู่ได้อย่างไร?

“ไม่ได้” มู่ซืออวี่เอ่ยเรียบ ๆ “พวกท่านยินดี แต่พวกเราไม่ยินดี เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันแล้ว”

“โถ่เอ๊ย ช้าก่อน” หวังซื่อหยุดมู่ซืออวี่ไว้อีกครา “หากหลานสาวของข้าไม่ได้ เช่นนั้นเนี่ยนตี้บ้านข้าล่ะ ส่งเขาไปเล่าเรียนได้ใช่หรือไม่?”

มู่ซืออวี่ “…”

นางไม่สามารถหาเหตุผลมาบอกปัดได้จริง ๆ

เนี่ยนตี้เป็นลูกสาวคนโตของหวังซื่อ อายุเพียงแปดขวบ อยู่ในวัยที่รับได้พอดี

“ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนด้วยนะ พวกท่านยินยอมหรือ?”

ความกลัดกลุ้มพลันปรากฏในแววตาของหวังซื่อ

ทว่านางยังกัดฟันพยักหน้ายอมรับ “พวกเราจะจ่าย”

“สำนักศึกษาเป็นของหมู่บ้านข้าง ๆ พวกท่านลองไปถามดูได้ ข้าตัดสินใจเองไม่ได้หรอก” มู่ซืออวี่ถือตะกร้าเดินจากมา

เมื่อเดินผ่านประตูบ้านถงซื่อก็ได้ยินเสียงตัดฟืนดังขึ้นมา จึงรู้ได้ทันทีว่ามู่เจิ้งหานกำลังทำงาน

นางเคาะประตู ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป “เจ้าเจ็บขนาดนี้ยังไม่หยุดพักอีกหรือ?”

มู่เจิ้งหานตัวเล็ก แต่พละกำลังของเขาไม่น้อยเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังผอมก็สามารถทำงานหนัก ๆ ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงตอนนี้ที่อยู่ดีกินดี ร่างกายของเขาแข็งแรงกว่าแต่ก่อนมาก งานตัดฟืนย่อมไม่เหนือบ่ากว่าแรง

“ท่านพี่ ข้าไม่เป็นไร” มู่เจิ้งหานปาดเหงื่อ ยาน้ำบนหน้าจึงถูกปาดออกไปด้วย

บาดแผลของเขาเปรอะเปื้อนฝุ่น แผลพลันปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา แต่เขาก็กัดฟันข่มความเจ็บปวด

“ไม่ต้องผ่าแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะให้คนมาผ่าฟืนให้” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “เจ้าช่วยข้าดูแลแปลงผักก็พอแล้ว งานอื่นเจ้าไม่จำเป็นต้องทำ”

“ท่านพี่ ข้าไม่อยู่บ้าน เรื่องที่บ้านทุกอย่างล้วนเป็นท่านที่จัดการ ขอบคุณท่านมาก”

“พวกเราเป็นพี่น้องแท้ ๆ ยังต้องพูดเรื่องพวกนี้อีกหรือ จะห่างเหินเกินไปหรือเปล่า” มู่ซืออวี่กล่าวต่อไปว่า “ครั้งนี้พวกเจ้าไปตีกับคนอื่นเขา ข้าจะไม่ถามหาเหตุผล ข้ารู้ว่านิสัยของเจ้าและฉาวอวี่เป็นอย่างไร เจ้าตรงไปตรงมาว่านอนสอนง่าย จะต้องไม่ใช่เจ้าที่เป็นคนก่อเรื่องแน่ เจ้าช่วยฉาวอวี่ใช่หรือไม่? เจ้าช่วยข้าไว้มาก ข้าไม่เกรงใจเจ้า เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้า”

มู่เจิ้งหานยิ้มแหย ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร

“กลางวันไปกินข้าวที่บ้านข้า” มู่ซืออวี่กล่าว “แต่อาจจะช้าสักหน่อย ข้าต้องไปส่งอาหารให้ลู่เซวียนกับอวิ๋นเอ๋อร์ก่อน”

หมู่บ้านข้าง ๆ อยู่ไม่ไกลนัก ปกติแล้วลู่เซวียนมักจะกลับมากินข้าว แต่บางครั้งเขาก็ไม่ได้กลับมาเพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำ ชายหนุ่มจะนำเงินติดตัวไปเล็กน้อยแล้วซื้ออาหารจากชาวบ้านแทน แค่นั้นก็อิ่มท้องไปหนึ่งมื้อแล้ว

วันนี้มู่ซืออวี่อยู่บ้าน อีกทั้งหมู่บ้านข้าง ๆ ก็อยู่ไม่ไกล นางจึงนำอาหารไปให้เพื่อที่จะได้ไปดูอวิ๋นเอ๋อร์ด้วย

มู่ซืออวี่พาลู่ฉาวอวี่ไปสำนักศึกษาหมู่บ้านข้าง ๆ

สำนักศึกษาแห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก มีเพียงสองห้อง ห้องหนึ่งสำหรับเด็ก ๆ ที่มีพื้นฐานบ้างแล้ว ส่วนอีกห้องหนึ่งสำหรับเด็ก ๆ ที่มีพื้นฐานน้อย

อาจารย์ที่นี่มีสองท่าน นอกจากลู่เซวียนแล้วก็ยังมีอาจารย์อีกท่านนามว่าเฉินชิวเซิง

เฉินชิวเซิงออกมาพบกับสตรีนางหนึ่งเข้าพอดี ครั้นเห็นนางพาเด็กเข้ามาก็นึกว่านางเพียงส่งเด็กมาเรียน แต่เด็กคนนั้นยังมีรอยฟกช้ำอยู่บนใบหน้า

“ข้าเป็นท่านอาจารย์ของที่นี่ ต้องการส่งลูกหลานมาเรียนหรือ?”

“ข้ามาหาคน” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าเป็นพี่สะใภ้ของลู่เซวียน”

เฉินชิวเซิงได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้ สีหน้าพลันมืดครึ้มลง “เขากำลังสอนอยู่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย