สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 22

บทที่ 22 ข้าไม่ได้ขโมยไข่

บทที่ 22 ข้าไม่ได้ขโมยไข่

เมื่อถงซื่อกลับมาถึงบ้านด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาก็พบว่าคนอื่น ๆ ยังไม่กลับมา นางจึงรีบเอาของไปซ่อน แล้วตรงเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น

จากนั้นไม่นานมู่ซือเจียวก็กลับมาจากข้างนอก นางมองเข้าไปในห้องครัวแล้วถามอย่างไม่พอใจว่า “เหตุใดยังไม่ทำอาหารเย็นอีกล่ะ ชักช้าไร้ประโยชน์เสียจริง ๆ”

ในฐานะผู้อาวุโสกว่า ถงซื่อถูกมู่ซือเจียวล่วงเกิน แต่ก็กลับไม่กล้าบ่นว่าแต่อย่างใด หญิงวัยกลางคนทำได้เพียงอธิบายอย่างระมัดระวังว่า “ข้าไม่ค่อยสบายตอนที่กลับมาก็ลื่นล้มจึงไม่ค่อยมีแรง เจียวเอ๋อร์ เจ้าช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่ ช่วยจุดไฟเสียหน่อย”

มู่ซือเจียวมองมาด้วยสายตาดูถูกก่อนจะตะคอกใส่ “ท่านย่าบอกว่างานบ้านคืองานของท่าน หน้าที่ของข้าคือการดูแลตัวเองให้ดีเท่านั้น ไม่ต้องไปทำงานอะไรพวกนี้ ท่านอยากให้ข้าช่วยจุดไฟใช่หรือไม่ ได้เลย รอท่านย่ากลับมาแล้วข้าจะบอกนางให้”

“อย่า… อย่าบอกนางนะ ไม่ต้องช่วยข้าแล้ว” ถงซื่อเอ่ยแล้วก็ไปยุ่งอยู่กับงานครัวต่อไป

มู่ซือเจียวดูถูกท่าทางไร้ทางสู้ของถงซื่อ ก่อนหน้านี้มู่ซืออวี่ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่ตอนนี้นางแต่งงานออกไปแล้วจึงปีกกล้าขาแข็ง กล้าแม้กระทั่งพูดจาหาเรื่องตน ครั้นคิดเช่นนั้นแล้วความโกรธก็ปะทุขึ้นในดวงตา

หญิงสาวเอากระบวยตักน้ำขึ้นมาตั้งใจราดไปที่ถงซื่อพลางทำเป็นพูดเสียงแหลม “ตายแล้ว! โทษที ข้าเห็นว่าท่านมีเหงื่อออกก็เลยจะช่วยล้างให้สักหน่อย ท่านอาสะใภ้รองคงไม่โกรธข้าหรอกใช่หรือไม่”

หัวใจของถงซื่อเย็นยะเยือกเพราะน้ำที่รินรดตัว น้ำที่สาดลงบนใบหน้านางไหลผ่านเสื้อผ้าขาดวิ่น เดิมทีใบหน้าก็เปื้อนฝุ่นไม่น้อยอยู่แล้ว เมื่อถูกน้ำสาดก็กลายเป็นคราบโคลนบนใบหน้า ดูน่าสมเพชยิ่งกว่าเดิม

“ไม่… ไม่เป็นไร” ถงซื่อกำมือปาดน้ำออกจากใบหน้า ยิ่งทำแบบนั้นใบหน้าก็ยิ่งเลอะเป็นปื้น

มู่ซือเจียวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รีบไปเสียที ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว”

ถงซื่อมึนงงอยู่นาน แต่ในตอนนี้กลับนึกคำพูดของลูกสาวขึ้นมาได้อย่างขึ้นใจ

หากว่าแยกบ้านไปได้…

ไม่ ไม่ ไม่ แม่สามีเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในบ้านหลังนี้ แม่เฒ่าเจียงคงไม่ยอมให้การแยกบ้านเกิดขึ้น ถ้าทำอย่างนั้น คนทั้งบ้านตระกูลมู่ต้องหันมาเล่นงานนางแน่ ๆ

แต่เมื่อคิดว่าจะต้องใช้ชีวิตน่าสมเพชเช่นนี้ต่อไป นางก็พลันรู้สึกอึดอัดใจราวกับมีหินก้อนใหญ่มาทับร่างเอาไว้

มู่เจิ้งหานกลับมาพร้อมกับฟืนสูงลิบท่วมหัวบนหลัง

ถงซื่อรีบตรงเข้าไปช่วยรับมัน หลังจากที่ขนฟืนลงแล้วก็รีบตักน้ำหนึ่งกระบวยส่งให้ลูกชาย “ดื่มน้ำก่อน”

อึก อึก อึก

มู่เจิ้งหานดื่มน้ำเพียงไม่กี่อึกก็หมดกระบวยอย่างรวดเร็ว

“เหนื่อยหรือไม่ นั่งพักก่อนเถอะ” ถงซื่อกล่าว

ทว่าเขากลับไม่ยอมนั่งลง แต่เข้ามาช่วยผู้เป็นแม่จุดไฟ ร่างเล็ก ๆ ของเด็กชายดูโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น นั่นทำให้คนเป็นแม่อย่างนางรู้สึกภูมิใจ

ตอนนั้นเองที่คำพูดของลูกสาวกลับมาแล่นในหัวอีกครั้ง ลูกชายของพี่สามีได้เรียนหนังสือ แต่หานเอ๋อร์ของนางกลับทำงานหนักกว่าผู้ใหญ่เสียอีก

คนเป็นมารดาอย่างนางจะไม่ทุกข์ใจกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ทุกอย่างเป็นเพราะความขี้ขลาดตาขาวของตนทั้งสิ้น เหตุใดถึงไม่คิดต่อต้านแม่สามีเสียบ้าง

มู่เจิ้งหานจุดไฟอยู่อย่างเงียบ ๆ เขาเป็นเด็กที่เคร่งขรึม ชอบช่วยเหลือผู้คน ทำทุกอย่างที่ถูกขอให้ทำ เป็นเด็กที่มีเหตุผลยิ่งนัก แต่การเป็นคนแบบนี้กลับทำให้ถงซื่อยิ่งรู้สึกอึดอัดใจมากกว่าเดิม

เสียงของแม่เฒ่าเจียงและมู่ซือเจียวดังมาจากด้านนอก มู่ซือเจียวกำลังบ่นกับท่านย่าของตนว่าอาสะใภ้รองสั่งให้นางช่วยจุดไฟ

แม่เฒ่าเจียงตะโกนดุด่าสาปแช่งเสียงดังทันที “กล้าดียังไงถึงมาบอกให้เจียวเอ๋อร์ของข้าไปจุดไฟ! ถ้ามือของหลานข้าหยาบกร้านจนพลาดโอกาสเป็นนายหญิง พวกแกต้องโดนดี คอยดูเถอะ”

“หึ” มู่เจิ้งหานไม่ได้ตอบรับ เพียงแค่นหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย