สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 223

สรุปบท บทที่ 223 ดาวนำโชคของข้า: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สรุปเนื้อหา บทที่ 223 ดาวนำโชคของข้า – สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดย Internet

บท บทที่ 223 ดาวนำโชคของข้า ของ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย ในหมวดนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 223 ดาวนำโชคของข้า

บทที่ 223 ดาวนำโชคของข้า

“คุณหนูเฉิน รีบขึ้นรถม้าเถอะ ฝนเริ่มตกหนักขึ้นแล้วนะขอรับ” เสียงของนักการเกาดังขึ้น

“นั่นสินะ ขอบคุณที่เตือนข้า”

เฉินซือจวินเข้าไปในรถม้า

นางเปิดม่านออก มองดูบุรุษสตรีที่กอดกันท่ามกลางสายฝน กระทั่งรถม้าเคลื่อนห่างออกไปจนมองไม่เห็น นางถึงได้หันหน้ากลับไป

เวินเหวินซงใช้โอกาสนี้ผละออกไปแล้ว

ถึงแม้คนอื่น ๆ อยากจะล้อพวกเขาอีกสักหน่อย แต่ก็รู้ว่าไม่ควรรบกวนการหวนกลับมาพบกันอีกครั้งของสามีภรรยาคู่นี้

“ฝนตกหนักเพียงนี้ เสื้อผ้าของเจ้าเปียกหมดแล้ว พวกเรากลับไปที่ร้านดีหรือไม่?” ลู่อี้ลูบหัวของนางเบา ๆ

“ข้าเดินไม่ไหวแล้ว” มู่ซืออวี่กอดลู่อี้ไว้แน่น

ลู่อี้หมดหนทาง ได้แต่ลูบท้ายทอยให้นาง “ได้ ข้าจะแบกเจ้าเอง ปล่อยข้าก่อนเถิด”

มู่ซืออวี่จึงปล่อยมือออกจากเอวของลู่อี้

ลู่อี้คุกเข่าลง ปล่อยให้มู่ซืออวี่ขึ้นไปบนหลัง เขาลุกขึ้นแล้วให้นางถือร่มไว้

ทว่าเสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสองคนเปียกโชกแล้ว ถือร่มไว้ก็ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ดีกว่าไม่มีสิ่งใดเลย

“ครั้งนี้ท่านไปนานถึงสิบวันเลยนะ” มู่ซืออวี่กระซิบข้างหูเขา “ที่แท้ก็ไปรับหญิงงามนี่เอง ฮึ!”

“หญิงงามที่ไหนเล่า เป็นแค่คำสั่งที่ได้รับมาจากเบื้องบนเท่านั้น” ลู่อี้ตบก้นนาง “อย่าได้พูดจาเลื่อนเปื้อน”

“คนอื่นเขาเรียกท่านว่าพี่ใหญ่ลู่! มีเบื้องบนอีกที่ไหนกัน คิดว่าข้าหูหนวก ไม่ได้ยินหรือไร”

ลู่อี้แบกมู่ซืออวี่เดินไปท่ามกลางสายฝน

ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาวิ่งหลบฝน แทบอยากให้ใต้เท้าของตนผุดวงล้อไฟขึ้นมา แต่ก็ได้แต่วิ่งปรี่ตรงยังปลายทางของตน

มีเพียงสองสามีภรรยาที่ค่อย ๆ เดินไปราวกับสนุกไปกับมัน

หนวดเคราของลู่อี้ขึ้นมาอีกแล้ว มองจากใบหน้าของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนล้าจริง ๆ

แต่ยามนี้ เขาอยากให้เส้นทางนี้ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด เพราะมีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่เขาสามารถสัมผัสอารมณ์ความรู้สึกของนางได้อย่างชัดเจน

“ลู่อี้…”

“หืม”

“ภายหน้าท่านจะกลายเป็นขุนนางขั้นสูง ถึงตอนนั้นท่านจะได้พบสตรีที่งดงามกว่านี้อีกมากมาย เกรงว่าสาวชาวบ้านอย่างข้าจะไม่คู่ควรแม้แต่เป็นสาวใช้ของท่าน”

“หากเจ้ายังเอ่ยเช่นนี้อีก ข้าจะโยนเจ้าลงไปแล้ว” สุ้มเสียงของลู่อี้แฝงความอันตราย

“รู้จักแต่โหดร้ายกับข้า ไม่เห็นจะโหดร้ายกับคุณหนูเฉินผู้นั้นเลย”

มู่ซืออวี่ยอมรับว่าตนหึงหวง บางทีอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของหญิงสาว นางจึงไม่ชอบคุณหนูเฉินผู้นั้น

ไม่มีเหตุผลใด ๆ มารองรับหรอก ไม่ได้คิดตรึกตรองด้วย สตรีไม่เคยเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผลอยู่แล้ว หลาย ๆ เรื่องไม่จำเป็นต้องมองให้แน่ชัด

ข้างหน้าเป็นร้านเรือนกรุ่นฝัน

คนงานคนอื่น ๆ ไปพักผ่อนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เฟิงเจิงที่เฝ้าร้านอยู่เท่านั้น เมื่อเห็นลู่อี้แบกมู่ซืออวี่กลับมา เฟิงเจิงก็รู้สึกยินดี

“พี่อี้ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว เถ้าแก่เนี้ยของพวกเราเป็นเทพจริง ๆ รู้ได้อย่างไรกันว่าพี่อี้จะกลับมาวันนี้?”

“ข้าแค่ไปดู ใครจะรู้ว่าเขาจะกลับมาพอดี” มู่ซืออวี่กล่าว “เจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถอะ!”

“ข้าจะไปทำน้ำขิงมาให้พวกท่าน พวกท่านเปียกโชกมาเช่นนี้ หากป่วยไข้ไปจะทำอย่างไรเล่า?” เฟิงเจิงกล่าวต่อ “เถ้าแก่เนี้ย คุณหนูหลี่ผู้นั้นยังนั่งอยู่ตรงนั้น ฝนตกหนักขนาดนี้ นางทำอย่างนี้จะไม่เป็นอะไรหรือ?”

มู่ซืออวี่มองออกไปข้างนอก ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางเหมือนก่อนหน้านี้

“เฟิงเจิง น้ำขิงนั้นข้าจะทำเอง เจ้าช่วยไปที่จวนตระกูลเจิ้งสักเที่ยว ไปแจ้งเรื่องคุณหนูหลี่ให้คุณหนูรองเจิ้งทราบ พวกเขาเป็นสหายกัน ให้คุณหนูรองเจิ้งมาพูด คุณหนูหลี่คงฟังมากกว่า”

“ได้เลยจ้ะ”

มู่ซืออวี่กลับไปยังห้องพักของตน หาเสื้อผ้าชุดใหม่ที่นางซื้อให้ลู่อี้ออกมา “เอ้านี่ ข้าเพิ่งซื้อมา ไม่รู้ว่าพอดีหรือไม่”

ลู่อี้คว้ามือเล็ก ๆ ของนางไว้ “มือเจ้าเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งแล้ว ไม่ต้องเอาแต่ห่วงข้า เปลี่ยนเสื้อผ้าของเจ้าก่อนเถอะ!”

ห้องอื่นมีคนอยู่หมดแล้ว มีเพียงห้องนี้เท่านั้นที่เปลี่ยนชุดได้ ถึงแม้ทั้งสองคนจะเป็นสามีภรรยากัน พวกเขาก็ยังไม่ไปถึงขั้นสุดท้าย ตอนนี้ย่อมรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้างถ้าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเดียวกัน

“ข้าไม่มองเจ้าหรอก เจ้าเปลี่ยนก่อนเถอะ” ลู่อี้จะไม่รู้ความลำบากใจของนางได้อย่างไร

มู่ซืออวี่จึงไม่ลังเลใจอีก “อืม”

หลังจากที่นางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว นางก็ยัดเสื้อผ้าเปียก ๆ ลงอ่างน้ำ “ท่านก็เปลี่ยนเถอะ! ข้าจะไปทำน้ำขิง”

จูบของเขาเร่าร้อนแผดเผา ราวกับถ่ายทอดความคิดถึงของเขาตลอดหลายวันมานี้ แตกต่างจากใบหน้านิ่งสงบนั้นโดยสิ้นเชิง

“ลู่อี้” มู่ซืออวี่จวนจะหมดลมหายใจแล้ว

“เรียกข้าว่าสามี” ลู่อี้ขบเม้มริมฝีปากนางเบา ๆ ข่มความกำหนัดของตนที่ลุกโชนขึ้นมา “ตอนนี้รู้สึกได้หรือไม่?”

“อะไรหรือ?”

“ในโลกนี้มีคนเป็นพันเป็นหมื่นคนที่เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ลู่ แต่มีเพียงเจ้าที่สามารถเรียกข้าว่า ‘สามี’ ได้ มีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้น”

แก้มของมู่ซืออวี่ร้อนผ่าว

คนผู้นี้…

ไปแอบเรียนคำพูดหวาน ๆ มาใช่หรือไม่?

เขาเอ่ยคำพูดยั่วเย้าเช่นนี้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้าได้อย่างไร?

“น้ำขิงเสร็จแล้ว” ลู่อี้ฝากรอยจูบไว้ที่ไหปลาร้าของนาง แล้วปล่อยนางไปอย่างไม่เต็มใจนัก

มู่ซืออวี่มองตามหลังอีกฝ่าย ดวงตาฉายแววเขินอายเต็มที่ นางตบแก้มตนเรียกสติให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าดูเหมือนสาวน้อยแรกแย้มที่เพิ่งพบพานความรักเช่นนี้

ลู่อี้ทำน้ำขิงเย็น ๆ มาให้ หลังจากตรวจดูอุณหภูมิแล้วก็ส่งให้มู่ซืออวี่

นางชื่นชมความละเอียดอ่อนเอาใจใส่ของเขา รู้สึกอบอุ่นไปทั้งกายและใจ

“ฝนตกหนักเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไปศาลาว่าการเล่า?” ลู่อี้ถามขึ้นมา

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว มู่ซืออวี่ก็นึกถึงคำพูดของหลี่หงซูขึ้นมาได้ นางมองเขาด้วยความกังวล “ท่านเดินทางครั้งนี้ประสบกับอันตรายใดหรือไม่?”

“เหตุใดจึงถามเรื่องนี้?”

“หลี่หงซูเพิ่งบอกกับข้าว่า…”

มู่ซืออวี่ถ่ายทอดคำพูดให้เขาฟังอย่างไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่คำเดียว

“ตอนแรกพวกเราวางแผนเส้นทางกันแล้ว ทว่าพวกเราไม่ได้เดินทางตามที่วางไว้ เพื่อที่จะได้กลับมาพบภรรยาข้าเร็วขึ้นกว่าเดิม ข้าจึงเปลี่ยนไปใช้เส้นทางที่คนไม่ค่อยสัญจรเพื่อย่นระยะทาง บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ พวกเราจึงหลบหลีกอันตรายมาได้”

“กล่าวไปกล่าวมาแล้ว สุดท้ายก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะข้าสินะ” มู่ซืออวี่โล่งใจ แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะอวดเบ่งสักหน่อย

“แน่นอนว่าเป็นเพราะเจ้า ฮูหยินช่วยชีวิตข้าไว้อีกแล้ว” ลู่อี้ลูบหัวนาง “ฮูหยินเป็นดาวนำโชคของข้าจริง ๆ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย