สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 225

บทที่ 225 เซี่ยคุนหมั้นหมายแล้ว

บทที่ 225 เซี่ยคุนหมั้นหมายแล้ว

“เถ้าแก่ ยังมีเกี๊ยวน้ำอยู่หรือไม่?”

มู่ซืออวี่และลู่อี้มองเห็นมู่ต้าซานที่หน้าร้าน

เนื้อตัวของเขาดูมอมแมม ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบดำ ๆ ราวกับไปคลุกโคลนตมมาอย่างไรอย่างนั้น

ปากของเขาสั่นเทาตลอดเวลา กล่าวออกมาล้วนไม่ชัดเชน เห็นได้ชัดว่ากำลังหนาวเป็นอย่างมาก

ครั้นมองลงมาที่เท้าก็พบว่ารองเท้าของเขาสกปรกมากแล้ว ทั้งเก่าผุพังทั้งชุ่มน้ำ อีกทั้งยังมีเศษโคลนจำนวนมาก แม้จะนำไปซักก็เกรงว่าคงจะยืดชีวิตมันไปได้อีกไม่กี่วัน

“ไม่มีแล้ว ๆ” เถ้าแก่ไล่เขาไปด้วยความรังเกียจ

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “เถ้าแก่ ท่านยังมีอีกไม่น้อยไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่มีแล้ว?”

เถ้าแก่เห็นผู้พูดเป็นฮูหยินแต่งกายดูดีคนหนึ่งจึงเอ่ยขออภัย “ฮูหยินโปรดอภัย ชายผู้นี้เนื้อตัวเปรอะเปื้อน หากเขามานั่งเก้าอี้ของข้า ผู้ใดจะอยากนั่งต่อเล่า? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าให้เขามานั่งในร้านของข้า ลูกค้าคนอื่น ๆ คงไม่อยากมาร้านข้าแล้ว”

มู่ต้าซานนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับลูกสาวและลูกเขยที่นี่

ครั้งแรกที่เขาเข้ามาในเมืองเพื่อหางานทำระยะยาว เขาเพียงแค่อยากจะมีชื่อเสียงให้ภรรยาและลูกเห็นว่าตนก็เป็นที่พึ่งพาขึ้นมาได้ ทว่าสิ่งที่อยู่ในอุดมคติมักดูดีเสมอ ความเป็นจริงกลับโหดร้ายนัก

เขารู้สึกอับอาย อยากจะออกไปจากตรงนี้เสียเดี๋ยวนั้น

“ช้าก่อน” ลู่อี้หยุดอีกฝ่ายไว้

เขานำเงินหนึ่งตำลึงออกมาวางไว้บนโต๊ะ และถามเถ้าแก่ว่า “เช่นนี้ให้เขานั่งได้แล้วใช่หรือไม่?”

เถ้าแก่ยิ้มกว้าง ตอบกลับไปว่า “นั่งได้แล้วขอรับ ๆ”

มู่ซืออวี่หมดความอยากอาหารทันที “ข้าไม่อยากกินแล้ว”

“ได้ พวกเราไปกินที่อื่นเถอะ” เถ้าแก่คนนี้ทำให้คนไม่เจริญอาหารจริง ๆ

ตอนที่มู่ซืออวี่เดินผ่านมู่ต้าซาน นางก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “อย่าได้เข้าใจผิด แม้จะเป็นคนแปลกหน้า พวกเราก็จะช่วยอยู่ดี”

“ลูกอวี่…”

“อย่าเรียกข้าเช่นนั้น” มู่ซืออวี่เอ่ยสียงเย็น “ออกมาหางานหาการทำได้เช่นนี้ หมายความว่าท่านยังมีหัวคิดสินะ หลังจากนี้ไปใช้ชีวิตให้ดีเถอะ”

ครั้นออกจากร้านมาแล้ว ลู่อี้ก็ล้วงขนมเปี๊ยะโรยงาออกมาสองชิ้นราวกับมีคาถา เขาส่งให้นางหนึ่งชิ้น

“ท่านไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เพิ่งซื้อมา เจ้ากำลังเหม่อลอย หากไม่เห็นก็คงไม่แปลก”

มู่ซืออวี่ทานขนมเปี๊ยะชิ้นนั้นด้วยสีหน้ามีความสุข “ขนมเปี๊ยะร้านนี้ไม่เลวจริง ๆ เนื้อบางไส้เยอะ รสชาติอร่อยมาก”

ระหว่างทางไปยังโรงเตี๊ยม มู่ซืออวี่ก็เล่าความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยคุนและอันอวี้ให้ชายหนุ่มฟัง

“พวกเรารอให้ท่านกลับมาก่อน หากท่านไม่คัดค้าน พวกเขาก็จะเตรียมงานหมั้น”

“ข้าไม่คัดค้าน”

“เช่นนั้นก็ให้พวกเขาหมั้นก่อน ปีหน้าค่อยเลือกเวลาฤกษ์แต่ง”

“อืม”

ช่วงนี้ลู่อี้งานยุ่งยิ่งกว่าเดิม แต่ไม่ว่าเขาจะงานรัดตัวเพียงใด เขาก็จะพยายามกลับบ้านเสมอ ถึงแม้จะดึกดื่นก็ยังกลับมา

การแต่งงานของเซี่ยคุนและอันอวี้นั้น สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป

มู่ซืออวี่เตรียมการเรื่องนี้ให้เซี่ยคุน ไม่คิดเรื่องกิจการชั่วคราว ทั้งยังเลื่อนคำสั่งซื้อออกไปหลายรายการ

ในชนบท แม่สื่อจะเป็นคนสู่ขอแต่งงาน หากทั้งสองฝ่ายต่อรองกันได้แล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้น ทว่าเซี่ยคุนไม่เพียงแต่เชิญแม่สื่อมาเท่านั้น เขายังส่งหกพิธีการ*[1]ไปที่ครอบครัวอัน ปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างมีมารยาท

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว เรื่องต่อไปคือเตรียมการสอบขุนนาง

ทั้งลู่เซวียนและอันอี้หางต่างต้องเข้าสอบขุนนาง ทั้งสองคนจึงไปด้วยกัน

ถึงแม้สถานที่จัดการสอบระดับฝู่ซื่อจะอยู่ไม่ไกล ใช้เวลาเดินทางไม่กี่วันก็ถึง พวกเขาก็ต้องเตรียมการให้พรั่งพร้อม จือเชียนจึงเดินทางไปพร้อมกับลู่เซวียนเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของลู่เซวียนเป็นพิเศษ

ในหมู่บ้านนี้ นอกจากอันอี้หางและลู่เซวียนที่เข้าร่วมการสอบขุนนางแล้ว หลานชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างมู่เจิ้งอี้ก็เข้าร่วมด้วยในครั้งนี้

“ท่านป้าเจียง ข้าได้ยินว่าเจิ้งอี้บ้านพวกท่านก็เข้าสอบขุนนางด้วย ครั้งนี้คงสอบได้ซิ่วไฉ*[2]กระมัง? เขาอ่านหนังสือมาตั้งหลายปีแล้ว”

แม่เฒ่าเจียงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “อาจารย์ของอี้เอ๋อร์กล่าวไว้ว่าอี้เอ๋อร์มีพรสวรรค์มาก จะต้องสอบได้ซิ่วไฉอย่างแน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย