สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 269

บทที่ 269 จู่ปู้ลู่ลาออก

บทที่ 269 จู่ปู้ลู่ลาออก

ณ ศาลาว่าการ นายอำเภอโจวมองลู่อี้ตรงหน้าเขาด้วยความละอายใจ ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่งเบา ๆ

“จู่ปู้ลู่ ใต้เท้าฉินเคยกล่าวไว้ก่อนจะไปว่า เจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์ ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม เหตุใดจู่ ๆ จึงเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นเล่า?”

“ข้าน้อยมีความรู้ตื้นเขิน หมู่นี้นับวันยิ่งมีใจแต่ไร้กำลัง อาจเป็นเพราะพรสวรรค์ไม่มากพอ งานของศาลาว่าการไม่ใช่ของเล่น ในเมื่อข้าน้อยด้อยความสามารถ เช่นนั้นก็ขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางทางการดีกว่าขอรับ”

“เจ้าทำเช่นนี้… เฮ้อ เจ้าแสดงออกเช่นนี้ราวกับว่าข้าไม่ผ่อนปรนให้”

“ใต้เท้าเข้าใจผิดแล้ว นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับใต้เท้าขอรับ”

“เอาเถิด ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ เช่นนั้นข้าคงต้องรับปากแล้ว ภายหน้าหากเจ้ามีเรื่องลำบากใจอะไร เพียงแค่มาหาข้า ข้าย่อมไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเลวร้ายแน่นอน”

“ขอบคุณใต้เท้าขอรับ”

นักการเกาเฝ้าอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นลู่อี้ออกมา ดวงตาของเขาพลันเต็มไปด้วยความกังวล

“เจ้า…”

ลู่อี้คำนับ “นักการเกา ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว”

นายอำเภอโจวมองลู่อี้และนักการเกาเดินจากไป

เฉินเซียนเฉิงเดินออกมาจากข้างในแล้วเอ่ยขึ้น “ลู่อี้ผู้นี้คิดจะทำอะไรกัน?”

“เขาลาออกจากตำแหน่งขุนนางแล้ว ยังจะทำอะไรได้อีก?” นายอำเภอโจวหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา “นับว่ามีสมอง คงรู้ว่าหากยังอยู่ศาลาว่าการต่อคงไม่มีอนาคตอะไร สมัครใจลาออกจากตำแหน่งขุนนางก่อนยังพอสามารถรักษาเกียรติไว้ได้บ้าง”

“ไม่ขอรับ ใต้เท้ายังไม่รู้จักลู่อี้ผู้นี้มากพอ เขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ”

“เมืองฮู่เป่ยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของข้า ข้าไม่ผ่อนปรนให้เขา เขาจะไม่ถอนตัวออกจากตำแหน่งขุนนางอย่างว่าง่ายได้หรือ? ข้าคิดว่าเขาเป็นคนหลักแหลมผู้หนึ่ง จากไปครานี้ ข้ายังต้องมองเขาด้วยความชื่นชม”

นักการเกามองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นผู้อื่น เขาก็ลดเสียงลงพลางเอ่ยถาม “เจ้าคิดดีแล้วหรือ?”

ลู่อี้รับคำหนึ่งเสียง

“หากรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ข้าคงตามใต้เท้าฉินไปแล้ว นายอำเภอโจวและปลัดอำเภอเฉินเป็นคนประเภทเดียวกัน ภายหน้าชาวเมืองฮู่เป่ยเราเกรงว่าจะไม่มีชีวิตที่ดีอีกแล้ว”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านยังต้องอยู่ศาลาว่าการ ไม่อาจเสียตำแหน่งนี้ไปได้ ผู้ติดตามที่นายนำเภอโจวนำมาล้วนแต่เป็นขุนนางพลเรือน ไม่มีผู้รับผิดชอบนักการ เขาไม่กล้าถอดถอนท่านแน่นอน”

“ใต้เท้าฉินไปแล้ว ท่านก็ไปแล้วเช่นกัน ข้ารั้งอยู่คนเดียวจะมีความหมายอะไร?”

“ข้าจะกลับมา” ลู่อี้ตบไหล่นักการเกาเบา ๆ แล้วไม่เอ่ยสิ่งใดอีก “อยากไปทานมื้อค่ำที่บ้านข้าหรือไม่?”

นักการเกาได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ก็ยังคงอยากถามอีกสองสามคำถาม ทว่าเขากลับไม่เอ่ยสิ่งใดแล้ว เพียงแค่มองอย่างมีเลศนัยเท่านั้น

เขาคาดเดาได้แล้วว่าลู่อี้ย่อมต้องมีแผนการ คิดเช่นนี้แล้วก็ไม่ได้หดหู่ถึงเพียงนั้นอีกต่อไป

“ดื่ม! มีคนเลี้ยงเหตุใดจะไม่ดื่ม!”

ตอนที่ลู่อี้เพิ่งกลับไปถึงบ้านพร้อมกับนักการเกา มู่ซืออวี่ก็เพิ่งนำหม้อไฟออกมา

วันนี้มีคนมาก นางจึงเตรียมไว้สามหม้อ รสชาติของแต่ละหม้อยังแตกต่างกันอีกด้วย

“วันนี้มีบุญปากแล้ว” นักการเกาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม

“พี่ใหญ่เกา รีบนั่งลงเถอะ” มู่ซืออวี่ต้อนรับขับสู้ “จือเชียน จื่อซู จื่อเยวี่ยน ไปช่วยข้านำอาหารออกมาหน่อย”

ทั้งหมดเดินตามมู่ซืออวี่เข้าไปในห้องครัวเพื่อนำอาหารออกมา

“พี่เซี่ย ท่านกลับมาแล้ว!” นักการเกาตบไหล่เซี่ยคุนเบา ๆ “แล้วดวงตาของฮูหยินท่านล่ะ?”

“ดีขึ้นแล้ว” เซี่ยคุนยิ้มบาง ๆ

“โอ้ ข้ามองไม่ผิดกระมัง? พี่เซี่ย ท่านยิ้มหรือนั่น?” ดวงตาของนักการเกาเบิกกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ดื่มให้มากหน่อย ถือว่าเป็นการฉลอง”

“คืนนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน”

“ได้ ยากนักที่จะเห็นท่านได้ดั่งใจเช่นนี้ วันนี้ข้าจะต้องดื่มสุราบ้านพวกท่านให้หมดอย่างแน่นอน” นักการเกาเอ่ย

ถงซื่อเอ่ยขึ้นว่า “อันอวี้ เจ้าไปดูที่ประตูซิ พี่ชายของเจ้าและท่านแม่ของเจ้ามาถึงแล้วหรือยัง?”

“ข้า….” เมื่อเอ่ยถึงอันอี้หาง อันอวี้ค่อนข้างมีความสุข ทว่าเมื่อคิดถึงมารดา อันอวี้กลับกลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย