สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 289

บทที่ 289 เขาคืออาจารย์ซวีไฮว่

บทที่ 289 เขาคืออาจารย์ซวีไฮว่

หลังจากไปเยี่ยมหลุมศพแล้ว เจิ้งซูอวี้ยังคงอารมณ์ไม่ดีนัก นางจึงอยากไปเดินเล่น

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอยากอยู่เงียบ ๆ ตามลำพังสักพัก มู่ซืออวี่จึงเหลือบ่าวรับใช้ไว้ให้สองสามคนแล้วกลับเข้าเมืองไปก่อน

เพิ่งกลับเข้าเมืองมาก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศในเมืองนั้นไม่ปกตินัก

“หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น?” มู่ซืออวี่ถาม “จื่อซู จื่อเยวี่ยน พวกเจ้ารีบไปตรวจสอบดู”

ไม่นานนัก สาวใช้สองคนก็กลับมา

“อาจารย์ซวีไฮว่หลอกเอาเงินไปทั่วงั้นหรือ?”

“เจ้าค่ะ ข้าได้ยินว่ามีคนหลายคนถูกหลอกแล้ว ตอนนี้มีคนไปแจ้งทางการแล้ว บอกว่าพวกเขาต้องการจับท่านอาจารย์ซวีไฮว่ผู้นี้”

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์ซวีไฮว่เป็นผู้ใด?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

จื่อซูกับจื่อเยวี่ยนส่ายหน้า

“ไม่แปลกใจว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงไม่รู้ เพราะพวกเราไม่เคยเอ่ยถึงมาก่อน พวกเจ้าคงรู้ว่านายท่านรองเขียนหนังสือกระมัง?”

“รู้สิเจ้าคะ!”

“นามปากกาของนายท่านรองก็คือซวีไฮว่”

“หา?”

มู่ซืออวี่มองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “กลับไปศาลาว่าการ ถามนายท่านว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ภายในห้องตำรา ลู่อี้มองลู่เซวียนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ลู่เซวียนแสดงความบริสุทธิ์ของตนออกมา “ข้าเขียนหนังสือหาเงินได้ไม่น้อย จำต้องไปหลอกลวงเจ้าคนน่ารังเกียจนี่ด้วยหรือ?”

“ในมือของคนผู้นั้นมีตราประทับซวีไฮว่ ข้าเอามาเทียบดูแล้ว เหมือนกันไม่มีผิด” ลู่อี้เอ่ยขึ้น “แน่นอนข้ารู้ว่าเจ้าไม่ไปหลอกเงินคน ทว่าคนผู้นี้ใช้ชื่อของเจ้า เจ้าจะไม่ช่วยข้าคิดดูหน่อยหรือ?”

“ไม่นานมานี้ตราประทับของข้าหายไป เพราะเรื่องนี้แล้ว ข้ายังถูกผู้ตรวจหนังสือฟางต่อว่าอยู่เลย ต่อมาข้าจึงให้คนไปสั่งทำมาใหม่”

“ถูกขโมยไปตั้งแต่เมื่อใด? มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นตอนที่ถูกขโมย?”

ตอนที่มู่ซืออวี่กลับมา สองพี่น้องพูดคุยกันไปพักใหญ่แล้ว เมื่อนางถามถึงเรื่องหลอกลวง ลู่อี้จึงเล่าปัญหาใหญ่ให้นางฟัง

“คนผู้นั้นมีเรื่องบาดหมางใจกับเจ้าหรือไม่? ใช้ชื่อของเจ้าหลอกลวง แล้วยังจงใจทิ้งตราประทับไว้เป็นเบาะแสอีก” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “หมู่นี้เจ้าได้ไปล่วงเกินผู้ใดหรือไม่?”

“เช่นนั้นคงมีผู้ที่ต้องสงสัยมากมาย เกรงว่าจนถึงเดือนหน้าแล้วคงยังหาไม่พบ” ลู่เซวียนเผยสีหน้าจนใจออกมา

“จุ๊ ๆ ดูความเป็นที่นิยมของเจ้าสิ แต่ว่าข้าชินแล้วล่ะ” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “คนที่มาร้องเรียนเหล่านั้นไม่ได้ให้เบาะแสอะไรเลยหรือ?”

“คนผู้นั้นสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ เห็นหน้าเขาไม่ชัดเจน แต่ทุกคนล้วนบอกว่าคนผู้นั้นทั้งผอมทั้งตัวเล็ก มองไปแล้วดูผอมซูบเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมักจะมีเสียงไอค่อกแค่กอยู่เสมอ เห็นทีคงป่วยหนัก”

“หากคนผู้นั้นเป็นนักต้มตุ๋น พวกท่านคิดหรือว่าเบาะแสอย่างเสียงไอจะเชื่อได้?” มู่ซืออวี่ถาม

ทันใดนั้น นักการเกาเดินเข้ามาจากข้างนอก “ใต้เท้า มีเบาะแสใหม่ขอรับ”

“ว่ามา” ลู่อี้กล่าว

“ในหมู่คนที่ถูกหลอกลวง มีชายผู้หนึ่งชื่อเฉินถง บอกว่าเขาเคยเชิญเจ้าซวีไฮว่ตัวปลอมไปเลี้ยงอาหารมื้อหนึ่ง ชายผู้นั้นไม่ได้ถอดหน้ากากออกขณะที่ทานข้าว ทว่าส่วนครึ่งล่างใบหน้าของเขาถูกถอดออกขอรับ”

ตอนที่มู่ซืออวี่ได้ยินเรื่องคดีนี้ นางยังพอรู้สึกสนใจอยู่บ้าง ต่อมาพบว่าเบาะแสวกวนไปมา ไม่ได้น่าสนใจอย่างการสืบสวนสอบสวนในละครดราม่าในโทรทัศน์แม้แต่น้อย นางจึงออกไปก่อน

เรื่องซวีไฮว่หลอกลวงคนในครั้งนี้กระทบกับยอดขายหนังสือใหม่โดยตรง ผู้ตรวจหนังสือฟางที่ไม่เคยออกจากหอหนังสือหงเหวินได้มาหานางด้วยตัวเอง ให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นหนังสือใหม่คงต้องยกเลิกสัญญาแล้ว

ลู่เซวียนเพิ่งออกมาจากศาลาว่าการ ก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งวิ่งมาจากฝั่งตรงข้าม คุกเข่าลงตรงหน้าเขา

“เจ้าทำอะไร?”

“นายท่านรองลู่ ได้โปรดช่วยฮูหยินของพวกเราด้วยเถอะนะเจ้าคะ”

“ฮูหยินของเจ้าคือใคร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย