สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 306

สรุปบท บทที่ 306 คดีหญิงสาวหายตัวไป: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 306 คดีหญิงสาวหายตัวไป – ตอนที่ต้องอ่านของ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

ตอนนี้ของ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 306 คดีหญิงสาวหายตัวไป จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 306 คดีหญิงสาวหายตัวไป

บทที่ 306 คดีหญิงสาวหายตัวไป

“ตอนที่ใต้เท้าฉินยังอยู่ ท่านติดตามเขาอยู่พักหนึ่ง ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลยหรือ?” มู่ซืออวี่สงสัย

“ข้าไม่รู้ว่าใต้เท้าฉินเคยได้ยินหรือไม่ ถึงแม้ได้ยินก็ทำอะไรไม่ได้ สตรีที่หายตัวไป หากไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลของเมืองซูโจว ก็อยู่ในเขตของเมืองเปี้ยนโจว”

“เช่นนั้นท่านคิดจะทำอย่างไร?”

“ตรวจสอบดูแล้วค่อยว่ากัน ข้าต้องตรวจสอบ ไตร่ตรองไปทีละก้าว”

มู่ซืออวี่มองลู่อี้ “ข้ารู้ว่าบางทีข้าก็สงสัยอะไรแปลก ๆ ทว่าหากเรื่องนี้ซับซ้อนปานนั้นจริง ๆ เหตุใดแม่นางหวังจึงล้มลงต่อหน้ารถม้าครอบครัวเราด้วย มันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ หรือ?”

ลู่อี้คว้ามือนางมากุมแล้วลูบหลังมือของนางเบา ๆ “ข้านึกว่าฮูหยินสงสารเรื่องที่เกิดขึ้นกับนาง”

“ข้าสงสารสิ แต่ก็ไม่อาจไม่คิดมากได้ ข้าเป็นห่วงท่านจึงได้สงสัย แต่ข้ายังยืนยันคำเดิม ความปลอดภัยของท่านสำคัญยิ่งกว่า ฉะนั้นไม่ว่าท่านจะทำอะไร ให้ท่านปกป้องตนเองเป็นอันดับแรก”

“ฮูหยินวางใจได้ ข้าจะจดจำคำเจ้าไว้ในใจ ไม่ว่าข้าจะทำอะไร ข้าจะปกป้องตนเองก่อน ไม่ให้เจ้าต้องโศกเศร้าเสียใจ”

แต่ไหนแต่ไรมาลู่อี้ไม่เคยเป็นคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เขาเป็นขุนนาง เพียงเพราะอยากมอบชีวิตที่ดีกว่าเดิมให้ภรรยา ในเมื่อรู้ว่าจะทำให้นางเป็นกังวล เหตุใดยังต้องทำอีกเล่า?

มู่ซืออวี่เล่าสถานการณ์ของหวังซิ่วเยว่ให้ฟังแล้วปล่อยเรื่องนี้ให้ลู่อี้เป็นคนจัดการ

เซี่ยคุนถือไหสุราตรงไปที่ตรอกแห่งหนึ่ง ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าขอทานผู้หนึ่ง

“สุราหอมหมื่นลี้ที่เจ้าชอบดื่ม อายุสิบปี”

เดิมทีขอทานผู้นั้นนั่งสัปหงกอยู่ตรงนั้น ทว่าเมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยคุน เขาพลันเงยหน้าขึ้น ปรายตามองเซี่ยคุนแวบหนึ่ง

“นายท่านเซี่ยคิดจะทำอะไรอีกหรือ?”

“ข้าต้องการข้อมูลของหญิงสาวที่หายตัวไปสองปีมานี้”

“เฮอะ นายท่านเซี่ย ให้ข้าเตือนท่านสักคำ ท่านควรแนะนำเจ้านายของท่านว่าอย่าได้แตะต้องคดีนี้ ไม่เช่นนั้นจะต้องเกิดปัญหายุ่งยากแน่แท้”

“คำพูดของเราถือเป็นที่สิ้นสุด สิ่งที่เจ้าเอ่ยไม่นับ เจ้าเพียงแค่หาข่าวมาให้ข้า พรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าอีก”

เซี่ยคุนหมุนตัวทำท่าจะกลับไป

ขอทานผู้นั้นเปิดไหสุราออก เงยหน้ากระดกสุราเข้าไป

“สุราดี! สุราชั้นเลิศ!”

“เซี่ยคุน ท่านไม่คำนึงถึงความแค้นของท่านแล้วหรือไร?” ขอทานผู้นั้นเช็ดริมฝีปากแล้วเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “นายอำเภอเล็ก ๆ คนหนึ่งจะทำอะไรได้? ท่านติดตามเขาแล้วมีประโยชน์อะไร?”

“เขาไม่หยุดอยู่แค่เพียงนายอำเภอเล็ก ๆ เป็นแน่” เซี่ยคุนหยุดฝีเท้า เปล่งเสียงหนักแน่นออกมา

“ดี หากท่านอยากเดิมพัน ข้าจะเดิมพันกับท่าน”

เซี่ยคุนผ่านร้านสาวทอผ้า เห็นอันอวี้ที่กำลังจดจ่อกับบางสิ่งผ่านทางหน้าต่าง ปราการน้ำแข็งในแววตาของเขาละลายหายไป บนใบหน้าเขาพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

อันอวี้เป็นเหตุบังเอิญ ในเมื่อเขารับเหตุบังเอิญนี้เข้ามาแล้ว เขาย่อมปกป้องนางไปตลอดชีวิต

ลู่อี้มีอนาคตก้าวไกลไร้ขีดจำกัด เขาจึงต้องเสี่ยง ‘เดิมพัน’ ในครั้งนี้

มู่ซืออวี่ได้รับจดหมายจากเจิ้งซูอวี้ผ่านนกพิราบ เจ้าตัวเร่งให้นางไปหา

หากกล่าวถึงเรื่องของเวลาแล้ว มู่ซืออวี่ควรไปได้แล้วจริง ๆ แต่เพราะเพิ่งได้รับคำสั่งซื้อรายการใหญ่เข้ามาหลายรายการ นางจึงกลัวว่าคนที่มีในมือจะไม่เพียงพอ เมื่อแผนการดำเนินงานได้ข้อสรุปแล้ว นางจึงจะรีบตามไป

นางส่งจดหมายไปให้เจิ้งซูอวี้ ในจดหมายนั้นบอกว่า ‘รออีกสิบวัน’

“เหวินอี้อยู่ที่ใด?” มู่ซืออวี่ไม่พบเหวินอี้อยู่ในห้องตำรา

“เมื่อครู่นี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย จู่ ๆ ก็ไม่เห็นคนเสียแล้ว” เฟิงเจิงมองไปรอบ ๆ

คนงานคนหนึ่งบอกว่า “เขาบอกว่าวันนี้มีเรื่องที่ต้องจัดการ จึงขอออกไปก่อน พรุ่งนี้จึงจะกลับมา”

“เอาเถอะ เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะมาหาเขา” มู่ซืออวี่นึกถึงเรื่องที่เหวินอี้เข้าไปในเรือนวสันต์ขึ้นมาได้ นางได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ ‘เขาคงไม่ตามรอยมู่เจิ้งอี้กระมัง?’

มู่เจิ้งอี้เป็นตัวอย่างให้เห็นหลัด ๆ เหวินอี้เป็นคนสุภาพนุ่มนวล จะให้ตามรอยเขาไม่ได้เด็ดขาด

“ระยะนี้พวกเจ้าสังเกตเขาอย่างใกล้ชิดหน่อย จะดียิ่งหากรู้ว่าเขากำลังทำอะไร จะให้เขารู้ตัวไม่ได้ เขาอาจมีเรื่องลำบากใจ หรือเรื่องน่าอายอะไรบางอย่างที่ไม่อยากเอ่ยปากกับพวกเรา”

“ทราบแล้วขอรับ เถ้าแก่เนี้ย”

มู่ซืออวี่กำลังเตรียมจะออกไป เฟิงเจิงกลับรั้งนางไว้

“เถ้าแก่เนี้ย แหะ ๆ”

“แหะ ๆ อะไร? มีจะอะไรจะกล่าวก็ว่ามา”

“ข้าซื้อบ้านอยู่ในเมืองหลังหนึ่ง พาท่านพ่อท่านแม่และน้องสาวของข้ามาอยู่ด้วย พรุ่งนี้ขึ้นบ้านใหม่ ท่านกับพี่อี้มาได้หรือไม่?” เฟิงเจิงเอ่ยอย่างเขินอาย

มู่ซืออวี่ยิ้มน้อย ๆ “ข้าไปได้ แต่พี่อี้ของเจ้ามีเรื่องมากมายต้องจัดการ เขาอาจจะไปไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะไปได้หรือไม่ พวกเราต้องไปร่วมความครึกครื้นแน่นอน วันนี้ก็เลิกงานเร็วหน่อย กลับไปช่วยที่บ้านเถอะ”

ร้านสาวทอผ้าปิดแล้ว อันอวี้พาลู่จื่ออวิ๋นไปร่ำลาอาจารย์ฟ่าน

ทว่าทั้งสองออกจากประตูมาได้ไม่นานก็พบกับสตรีนางหนึ่งรออยู่ เมื่อเห็นอันอวี้ออกมา อวี้ซื่อก็เดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “อวี้เอ๋อร์”

สีหน้าของอันอวี้พลันแปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมาทันที “ท่านแม่”

“อวี้เอ๋อร์ แม่ไร้หนทางจึงได้แต่ต้องมาหาเจ้าแล้ว” อวี้ซื่อดึงมือบุตรสาวไปกุม “ในมือของเจ้ามีสัก 500 ตำลึงเงินหรือไม่?”

“500 ตำลึง?” อันอวี้ขมวดคิ้ว “ท่านแม่ ท่านจะเอาเงินมากมายถึงเพียงนั้นไปทำอะไร?”

ตอนนี้นางแต่งงานออกมาแล้ว ไม่ได้เป็นภาระของพวกเขาอีกต่อไป อันอี้หางสามารถหาเงินได้ตลอด จึงเพียงพอต่อการใช้ชีวิตของพวกเขาแล้ว

ก่อนหน้านี้อวี้ซื่อประหยัดเป็นนักหนา เหตุใดตอนนี้มาขอเงินกับนาง?

“ข้ามีปัญหาเล็กน้อย ข้าต้องการ 500 ตำลึงเงินถึงจะแก้ปัญหาได้” อวี้ซื่อเอ่ยต่อ “เจ้าเอาให้ข้ายืมเถอะ ภายหน้าข้าจะใช้คืนเจ้า”

“น้าอันไม่มีเงินมากมายถึงเพียงนั้นหรอกเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “แต่ละเดือนท่านลุงเซี่ยมีเงินเพียงตำลึงเดียว ถึงแม้จะไม่กินไม่ดื่ม ก็ไม่มีเยอะขนาดนั้นหรอกค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย