สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 340

บทที่ 340 ร้านเพียงหนึ่งเดียว

บทที่ 340 ร้านเพียงหนึ่งเดียว

เจิ้งซูอวี้ได้ยินแล้วตกตะลึง นางดึงชายเสื้อของมู่ซืออวี่เงียบ ๆ

“คนผู้นี้อารมณ์ฉุนเฉียวนัก”

“เจ้าไม่อยากพูดว่า ‘ไม่ซื้อก็ไม่ขาย’ เมื่อต้องเจอกับลูกค้าที่เข้าใจยากหรือ? แต่น้อยคนนักที่กล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา”

ไม่เคยพบเห็นคนที่ดุร้ายเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน เขาทำเอาลูกค้าขุ่นเคืองกันหมด

หากจะทำธุรกิจเช่นนี้ได้ ก็ต้องมีความมั่นใจและมีความสามารถจริง ๆ หรือไม่ครอบครัวก็ต้องมีฐานะร่ำรวยมาก หากมีเงินใช้ไม่ขาดมือก็ไม่จำเป็นต้องง้อลูกค้า

เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่และเจิ้งซูอวี้ยังไม่ออกไป ผู้จัดการร้านก็ทักทายพวกนางพร้อมรอยยิ้ม

“แขกผู้มีเกียรติทั้งสอง พวกท่านต้องการซื้อสิ่งใดหรือขอรับ?”

“ข้าต้องการซื้อโต๊ะเครื่องแป้งนี้” มู่ซืออวี่ตอบพลางชี้ไปยังโต๊ะเครื่องแป้งงดงามโต๊ะหนึ่ง

เจิ้งซูอวี้มองนาง

จะซื้อจริงหรือ?

ไม่ได้บอกว่าจะมาสอดแนมสถานการณ์ของข้าศึกหรอกหรือ?

ผู้จัดการร้านยิ้ม “ได้เลยขอรับ ราคาเดิมคือ 2,000 ตำลึง วันนี้ลดราคาครึ่งหนึ่ง ท่านจ่ายเพียง 1,000 ตำลึงเท่านั้นขอรับ”

เมื่อเจิ้งซูอวี้เห็นว่ามู่ซืออวี่จ่ายเงินจริง ๆ ก็รู้สึกเจ็บใจ

สินค้าที่นี่ราคาแพงเกินไปแล้ว

เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ของพวกนาง ขายสินค้าราคาสามัญชนจริง ๆ

ผู้จัดการร้านรับเงินมาแล้วถามว่า “ฮูหยินอาศัยอยู่ที่ใดหรือขอรับ? ไม่ทราบว่าจะให้ส่งไปที่ใด”

“เรือนกรุ่นฝัน” มู่ซืออวี่ตอบ

รอยยิ้มอ่อนโยนดุจพระโพธิสัตว์ของผู้จัดการร้านพลันแข็งค้าง

แน่นอนว่าเขารู้จักเรือนกรุ่นฝัน

ปัง!

หน้าต่างชั้นสองเปิดออก เผยให้เห็นร่างหนึ่งในชุดสีม่วง

เป็นร่างของหญิงสาวที่รูปโฉมงดงามราวกับดอกโบตั๋น นางดูกล้าหาญไม่น้อย แววตาเย็นชาเย่อหยิ่งคู่นั้นกำลังจ้องมองมู่ซืออวี่ราวกับกำลังประเมินมู่ซืออวี่อยู่ในใจ

“เจ้ามาจากเรือนกรุ่นฝันหรือ?” เสียงของสตรีผู้นั้นไม่นุ่มนวลเหมือนผู้หญิงทั่วไป แม้จะแหบพร่าเล็กน้อย แต่ก็เข้ากับบุคลิกของนางได้เป็นอย่างดี

“ใช่แล้ว”

“ไม่ขาย” หญิงสาวคนนั้นตอบอย่างเย็นชา

“เจ้าช่างน่าสนใจนัก เจ้าเปิดประตูเพื่อขายสินค้า ข้าเข้ามาซื้อสินค้าและต่อรองราคา แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่ขาย? หรือว่าเจ้ากังวลว่าข้าจะไม่จ่าย? นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเลย โต๊ะเครื่องแป้งของเจ้าไม่ใช่ของหายาก สิ่งที่ทำให้ข้าชอบ ไม่มีอะไรมากไปกว่าลวดลายแกะสลักบนไม้จันทน์แดงที่นำมาทำโต๊ะนี้ โต๊ะเครื่องแป้งของเจ้ามีพื้นที่เก็บของมากมาย สามารถพับเก็บได้โดยไม่กินพื้นที่ด้วย…”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของมู่ซืออวี่ หญิงสาวบนชั้นสองก็ไม่ได้มีท่าทีก้าวร้าวมากนัก

“ท่านอาหู ขายให้นาง”

“ได้เลยขอรับเถ้าแก่เนี้ยฉี”

หญิงสาวบนชั้นสองปิดหน้าต่าง ไม่สนใจพวกนางอีก

“เจ้านายของเจ้าอารมณ์ร้อนเสียจริง แต่ก็น่าสนใจทีเดียว” มู่ซืออวี่กล่าว “ในเมื่อพวกเราทำกิจการเหมือนกัน ไม่ทราบว่าจะเรียกกันอย่างไรดี?”

“สกุลของข้าคือหู ฮูหยินเรียกข้าว่าผู้จัดการหูก็ได้ขอรับ” หลังจากกล่าวจบ ผู้จัดการหูก็มองขึ้นไปชั้นบน “เจ้านายของพวกเรา… ท่านเรียกนางว่าเถ้าแก่เนี้ยฉีก็ได้ขอรับ”

“เถ้าแก่เนี้ยฉี” มู่ซืออวี่ทวนชื่อนั้นเบา ๆ “ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ลาก่อน”

หลังจากออกจากร้าน เจิ้งซูอวี้ก็บ่นขึ้นมา “พี่สาวแสนดีของข้า ท่านใจดีสนับสนุนกิจการของคู่แข่งจริง ๆ!”

“สินค้าชิ้นนั้นราคาถูกมาก” มู่ซืออวี่อธิบาย “ต่อให้ข้าจะขายด้วย ข้าก็ไม่อาจขายในราคา 1,000 ตำลึง มันน้อยเกินไป ข้าจะไม่ซื้อได้อย่างไร อย่าได้ดูถูกลวดลายแกะสลักบนนั้นนะ ต้องใช้วิธีการแกะสลักมากกว่าสิบวิธีทีเดียว ข้าวางแผนจะเอากลับมาศึกษาอย่างละเอียด”

เจิ้งซูอวี้ย้ำเตือนตัวเองเสมอว่า เพื่อที่จะบริหารกิจการให้ดีขึ้น นางต้องทุ่มเทเวลามากมายไปกับการเรียนรู้ แต่ทุกครั้งที่ได้ยินมู่ซืออวี่พูดเช่นนี้ นางกลับไม่เข้าใจนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย