สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 372

บทที่ 372 ร่องรอยการกระทำของมนุษย์

บทที่ 372 ร่องรอยการกระทำของมนุษย์

ณ โรงหมอถงตั๋ว ผู้คนต่างต่อแถวรอรับยายาวเหยียดราวกับหางมังกรที่มองไม่เห็นแม้แต่จุดสิ้นสุด

เดิมทีมีเพียงถงซื่อและทังหยวนที่รับผิดชอบโรงหมอ มู่ซืออวี่จึงจ้างผู้รู้เรื่องสมุนไพรมากกว่ายี่สิบคนด้วยค่าแรงที่สูงมากเพื่ออำนวยความสะดวกผู้คนที่กำลังต่อแถว ทำให้ร่นระยะเวลาที่ต้องยืนรอลงไปไม่น้อย

“อากาศร้อน ทุกท่านไม่ต้องรออยู่ด้านนอกแล้ว นี่เป็นป้ายไม้ที่มีหมายเลขอยู่บนนั้น ไปหาที่เย็น ๆ แถวนี้หลบแดดเถิด เมื่อถึงหมายเลขของพวกท่านแล้วค่อยมา”

จื่อซูและจื่อเยวี่ยนแจกป้ายไม้ให้กับทุกคน

มู่ซืออวี่พาคนงานคนอื่น ๆ เข้ามา “นี่เป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาลที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้ เย็นชื่นใจนัก ทุกท่านดื่มสักถ้วยคลายร้อนเถิด อย่าได้ติดโรคฝีดาษแล้วเป็นลมล้มพับไปภายใต้แสงอาทิตย์เลย”

“ฮูหยิน ขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง”

“เปลืองเงินท่านเหลือเกิน ฮูหยิน”

โลกใบนี้ไม่เคยขลาดแคลน ‘อสรพิษ’ ทั้งตามท้องนาและนอกท้องนา อย่างไรก็ตามเด็กรับใช้ในโรงหมอส่วนมากยังคงเป็น ‘ชาวนา’ ไม่ใช่งูเห่า

มู่ซืออวี่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำย่อมมีคนที่ไม่ซาบซึ้งและคิดว่าเสแสร้ง ทว่าเพื่อคนส่วนใหญ่แล้ว นางยังคงต้องทำสิ่งที่ควรทำ ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่เคยเป็นคนเห็นแก่ตัว อันที่จริงที่ทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะตนได้ไตร่ตรองมาแล้ว

ลู่อี้เสื่อมเสียชื่อเสียง เช่นนั้นก็ต้องสร้างกระแสความนิยมทางนี้

ผลประโยชน์เป็นของทุกคน ชื่อเสียงเป็นของลู่อี้ นางเพียงแค่เติมเชื้อเพลิงในกองไฟเท่านั้น

ด้านนอกฝูงชนมีคนกำลังจับตามองสถานการณ์ตรงนี้

“ใต้เท้า สืบออกมาได้ชัดเจนแล้ว โรคฝีดาษไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากเมืองฮู่เป่ย แต่มีคนนำเชื้อมาจากเมืองเตียนอวี้ นายอำเภอลู่สั่งให้ท่านหมอตรวจหาคนไข้โรคฝีดาษทันที ด้วยเกรงว่าสถานการณ์จะร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม ส่วนฮูหยินท่านนี้คือฮูหยินลู่ ตอนนี้นางเป็นฮูหยินนายอำเภอ นางเปิดร้านแห่งหนึ่งและเริ่มทำกิจการครัวเรือน… นอกจากนี้ เมืองฮู่เป่ยยังคิดค้นยาต้านโรคฝีดาษขึ้นมาด้วย และยานั้นก็ได้รับการพิสูจน์ว่าสำเร็จแล้วขอรับ”

ผู้ใต้บังคับบัญชารายงานเรื่องสำคัญของตระกูลลู่ให้ฟัง

ชายชราผู้สวมชุดของคนธรรมดาทั่วไปพยักหน้าเบา ๆ ภายใต้หมวก และเอ่ยเสียงเรียบ “ตรวจสอบอีกครั้ง”

“ใต้เท้าอยากตรวจสอบสิ่งใดขอรับ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่เข้าใจนัก

“เจียงเก๋อเหล่าอยู่ในเมืองฮู่เป่ย ลู่อี้เป็นนายอำเภอ จะไม่พึ่งพาอาศัยเขาเลยหรือ?” ชายชราผู้นั้นกล่าวเบา ๆ “หากอยู่ฝ่ายขององค์ชายรอง ลู่อี้ผู้นี้ยังคงไว้ใจไม่ได้”

“ขอรับ”

ชายคนนั้นถอยกลับไป

ชายชรากำลังจะจากไป ทว่าจู่ ๆ คนผู้หนึ่งก็เรียกเขาไว้

“ผู้อาวุโสโปรดรั้งอยู่ก่อน”

เดิมทีชายชราไม่รู้ว่าผู้ใดเรียกตนไว้ เสียงนั้นพลันดังขึ้นอีกครั้ง “ผู้เฒ่าที่สวมหมวกด้านหน้า โปรดรั้งอยู่ก่อนเถิด”

หลู่เหยียนหยุดฝีเท้า แล้วหมุนตัวกลับไปมองสตรีที่กำลังเดินเข้ามา

มู่ซืออวี่ยื่นถั่วเขียวต้มน้ำตาลในมือของนางให้ “อากาศร้อนนัก ท่านผู้เฒ่าดื่มถั่วเขียวต้มน้ำตาลก่อนไปเถอะ!”

หลู่เหยียนมองมู่ซืออวี่ตรงหน้า “ข้าไม่ใช่คนมารับยา”

“ข้ารู้” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “หากท่านมารับยา เช่นนั้นคงไม่รีบร้อนจากไป”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้า…”

“ท่านผู้เฒ่าอายุมากแล้ว หากเดินภายใต้แดดที่แผดเผาเช่นนี้จะเป็นลมเอาได้ หมู่นี้ในเมืองฮู่เป่ยขาดแคลนท่านหมอ หากท่านเป็นลมไป ย่อมไม่มีท่านหมอตรวจให้ท่านแน่ เผื่อเอาไว้ดีกว่าต้องทนทุกข์จากการเป็นลมแดด”

หลู่เหยียนรับถ้วยนั้นมาแล้วลองชิมดู

“ถั่วเขียวต้มน้ำตาลถ้วยนี้ไม่เลว”

“เย็นชื่นใจ คลายร้อนดีนักแล”

“ขอบคุณ”

หลู่เหยียนคืนถ้วยให้นาง ก่อนจะหมุนตัวจากไป

จื่อเยวี่ยนเดินเข้ามา นางมองชายชราผู้นั้นจากไป “ฮูหยิน คนผู้นี้มีปัญหาหรือเจ้าคะ?”

“ไม่มีปัญหาใด” ถึงแม้เขาจะพยายามทำตัวเป็นคนท้องถิ่น ทว่าเขายังคงติดสำเนียงเมืองหลวง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย