สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 375

บทที่ 375 เมาแล้วก่อเรื่อง

บทที่ 375 เมาแล้วก่อเรื่อง

ณ ภัตตาคาร

พี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มขอโทษขอโพย “ต้องขออภัยจริง ๆ ขอรับ ห้องปีกข้างถูกจองไว้หมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงโต๊ะทางซ้ายในโถงใหญ่เท่านั้นที่ว่าง ไม่รู้ว่าจะทำให้ทุกท่านคับข้องใจหรือไม่?”

มู่ซืออวี่นั้นไม่ได้กังวลมากนัก อย่างไรเสียตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่มีลูกค้ามาทานอาหารมากที่สุด ยังมีโต๊ะว่างก็ดีเพียงใดแล้ว

แต่ดูเหมือนหร่วนฉีจะไม่คุ้นเคยนัก

มู่ซื่ออวี่จึงมองอีกฝ่ายเป็นการรอคำตอบ

หร่วนฉีดูเหมือนจะรอความเห็นจากนางอยู่พอดี เมื่อเห็นนางมองมา จึงตอบพี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ว่า “ได้”

“แขกทุกท่าน เชิญทางนี้” พี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ทั้งสองนั่งลง จากนั้นจึงมองโต๊ะที่มีคนจับจองอยู่เต็มตรงหน้า ก่อนจะยกย่องชมเชยเถ้าแก่ที่ทำกิจการนี้ได้ดีอีกครั้ง

“หากข้าไม่ได้ทำกิจการเครื่องเรือน คงเลือกเปิดภัตตาคารสักแห่ง เพียงแต่น่าเสียดายที่ข้าชอบทำเครื่องเรือนมากกว่าทำอาหาร หากวันหนึ่งเครื่องเรือนของข้าไม่มีคนซื้อแล้ว ข้าคงเปิดภัตตาคารสักแห่งเล่น ๆ” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้นมาอย่างขบขัน

“ฝีมือของเจ้าดีขนาดนี้ จะไม่มีคนซื้อได้อย่างไร” หร่วนฉีกล่าว “ภัตตาคารแห่งนี้เจ้าคุ้นเคยกว่าข้า เจ้าสั่งเถอะ”

มู่ซืออวี่สั่งอาหารขึ้นชื่อของร้านมาสองสามอย่าง

อาหารขึ้นชื่อของร้านนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้แต่นางที่ทานอาหารเลิศรสมาหลายอย่างก็ยังคาดเดาเครื่องปรุงไม่ออก

บุรุษหลายคนเดินออกมาจากห้องปีกข้าง ชายหนุ่มเยาว์วัยเหล่านั้นล้วนเมามาย สบถคำว่า ‘ไม่รู้ดีชั่ว’ ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

“นางอาศัยความงามเพียงไม่กี่ส่วน กล้าไม่เห็นข้าคุณชายผู้นี้อยู่ในสายตา เป็นเพียงบุตรสาวพ่อค้าวาณิชคนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะใบหน้านั้นพอใช้ได้ คุณชายเช่นข้าจะชมชอบนางหรือ ไม่ไว้หน้าแล้วยังไม่ต้องการอีก”

“คุณชายจางกล่าวได้ถูกต้อง สตรีประเภทนี้ไม่อาจใจดีกับนางเกินไปได้ มิเช่นนั้นคงทำราวกับตนเป็นอาหารจานเดียว*[1] ไปแล้วจริง ๆ ข้าว่า หากไม่จัดการนาง หลังจากนี้ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องร้องขอเข้าบ้านหรือ?”

“กล่าวได้มิผิด ข้าผู้นี้จะไปจัดการนางเดี๋ยวนี้”

“คุณชายจาง คนผู้นั้นใช่หรือไม่ใช่…”

คนในกลุ่มที่กำลังเดินลงมาชั้นล่างมองเห็นหร่วนฉีกับมู่ซืออวี่ที่นั่งอยู่ในห้องโถงพอดี

ใบหน้าของหร่วนฉีโดดเด่นเสียจนสามารถมองเห็นได้ในแวบเดียว

โดยเฉพาะความเย็นชาของนาง เมื่อนั่งอยู่ที่นั่น ทั่วทั้งห้องโถงก็เงียบลงไปมากทีเดียว

“ไป วันนี้ข้าจะพานางกลับไปเข้าห้องหอ ดูซิว่านางจะหยิ่งผยองในยามข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก*[2] ได้หรือไม่” คุณชายแซ่จางเดินเข้ามาหาอย่างไม่มั่นคงเท่าใดนัก

เมื่อมู่ซืออวี่เผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ ก็พบว่าชายหนุ่มที่เป็นหัวโจกดูคุ้นเคยยิ่งนัก เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงจำได้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นถูกหร่วนฉีปฏิเสธมา

“เถ้าแก่เนี้ยฉี” มู่ซืออวี่ใบ้ไปทางข้างหลังหร่วนฉี

ทันทีที่หร่วนฉีหันกลับไป ก็พบว่าคนแซ่จางผู้นั้นกำลังพุ่งเข้ามา

เขาหลบอย่างคล่องแคล่วทันที

พลั่ก!

กลายเป็นว่าคนแซ่จางล้มลงบนโต๊ะอาหาร

โชคยังดีที่ตอนนี้อาหารยังไม่มา ถ้าร่างกายอ้วน ๆ โดนอาหารดี ๆ คงเสียของน่าดู

มู่ซืออวี่อดชื่นชมไม่ได้

“นังแพศยา! ข้าอยากแต่งกับเจ้า เจ้าก็ควรจุดธูปสักการะ*[3] แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะกล้ารังเกียจข้า วันนี้ข้าจะพาเจ้ากลับไปเข้าห้องหอ” คนแซ่จางผู้นั้นพ่นคำหยาบคายออกมาแล้วปรี่เข้าไปหาหร่วนฉีอีกครั้ง

จื่อซูและจื่อเยวี่ยนดึงมู่ซืออวี่ถอยหลัง

“เถ้าแก่เนี้ยฉี…” มู่ซืออวี่กำลังจะร้องเรียกจื่อซูให้ช่วย

ทว่าก่อนที่นางจะได้กล่าวสิ่งใด หร่วนฉีก็ได้ดึงกริชออกมาจากแขนเสื้อแล้วชี้ไปยังคอของคุณชายแซ่จาง

ทุกคนต่างอ้าปากค้าง

คุณชายแซ่จางไม่กล้าขยับเขยื้อน

บุรุษที่อยู่ข้างหลังเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “แม่นางอย่าใจร้อนไป คุณชายท่านนี้เป็นน้องชายของใต้เท้าผู้ว่าการมณฑลเชียวนะ”

“น้องชายของใต้เท้าผู้ว่าการมณฑลแล้วอย่างไร? นี่เป็นเหตุผลให้เขาฉุด… ฉุดคนได้หรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย