สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 447

บทที่ 447 ง้างปากเขา

บทที่ 447 ง้างปากเขา

คุกของเมืองฮู่เป่ยไม่ใหญ่โตมากนัก เดิมทีใช้เพื่อขังขโมยและอันธพาลที่มักย่องเบาอยูในเขตนี้เท่านั้น บัดนี้มีชาวบ้านตัวปลอมแห่งหมู่บ้านหลิ่วซูถูกขังไว้ ในคุกจึงแน่นขนัดเกินกว่าจะรองรับพวกเขา

ลู่อี้และเวินเหวินซงเข้าไป กลิ่นฉุนจัดก็พลันพุ่งขึ้นมาปะทะจมูก ในคุกเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อ กลิ่นอุจจาระ และกลิ่นปัสสาวะ ทั้งยังมีกลิ่นที่แยกไม่ออกอีกว่าเป็นกลิ่นอะไร

“ใต้เท้าลู่ ใต้เท้าเวิน…”

เมื่อเห็นลู่อี้ พัศดีที่ทำหน้าที่คุมห้องขังก็เข้ามาหาทันที

ลู่อี้มองเหล่าชายหนุ่มร่างกายแข็งแรงกำยำที่ถูกมัดติดกับเสา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ปิดตาพวกเขา”

ทุกคนทำตามคำสั่งทันที

นายท่านรองผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยอย่างเหี้ยมโหด “เจ้าคนแซ่ลู่ ถ้ามีความสามารถก็ฆ่าพวกเราสิ เจ้ากำลังเสแสร้งแกล้งทำอะไรอยู่? พวกเราไม่ถูกเจ้าหลอกหรอกนะ”

“ไม่รีบร้อน” ลู่อี้ลูบข้อมือตนเองเบา ๆ “ระยะนี้ข้าค่อนข้างเบื่อหน่าย ค่อย ๆ เล่นกับพวกเจ้าได้”

นักโทษที่อยู่ในห้องขังห้องอื่นล้วนหวาดกลัวขึ้นมา

เพื่อที่จะไต่สวนคนเหล่านี้ พัศดีถึงขั้นพยายามทุกวิถีทาง การลงโทษทุกประเภทล้วนลองมาหมดแล้ว ครั้นลู่อี้ปรากฏตัวขึ้น เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าตนเองคงไม่กล้ามองสภาพนักโทษรายต่อไปแน่ ๆ

“ลู่อี้ ราษฎรต่างก็เรียกเจ้าว่าขุนนางที่เที่ยงธรรม เป็นขุนนางต่างพ่อแม่ที่คิดถึงราษฎรอยู่เสมอ แล้วพวกเขาเคยเห็นด้านที่โหดร้ายของเจ้าหรือไม่?” นายท่านรองเอ่ย “เจ้ามันคนปากว่าตาขยิบ”

“ใต้เท้าเวิน หากตัดลิ้นออกแล้ว คนจะยังพูดได้หรือไม่?” ลู่อี้เอ่ยถามเวินเหวินซง

เวินเหวินซงเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “คิดว่าคงพูดไม่ได้แล้ว”

“หากตัดลิ้นออกแล้วพูดไม่ได้ เช่นนั้นถอนฟันออกมาคงไม่กระทบกระมัง มาถอนฟันพวกเขาทีละคนกันเถอะ!” ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ “ไม่ต้องรีบร้อนถอนออกมาหมดล่ะ เหลือไว้ให้พวกเขาบ้าง”

“ขอรับ”

ลู่อี้หันกลับไปมองนายท่านรอง “เจ้าพูดถูก ราษฎรเรียกข้าเช่นนั้น แล้วพวกเจ้าเป็นราษฎรผู้บริสุทธิ์หรือ?”

นายท่านรองเขม่นมองคนถามอย่างดุร้าย

“ดวงตาคู่นี้ไม่เลวเลย หากควักออกมาแขวนไว้ด้วยกัน บางทีอาจไล่ผีร้ายไปได้บ้าง” ลู่อี้เอ่ยกับเวินเหวินซง “จัดการกับพวกนักฆ่าที่ต้องการแย่งชิงเสบียงบรรเทาทุกข์และฆ่าขุนนางในขบวน ข้าคิดว่าต่อให้ใช้การลงทัณฑ์ที่เหี้ยมโหดที่สุดในโลก ย่อมไม่มีผู้ใดกล่าวโทษอย่างแน่นอน อย่างไรเสียก็เป็นเพราะพวกเขา จึงเกือบเกิดการจลาจลขึ้นที่นี่ ราษฎรได้ก้าวผ่านประตูนรกมาแล้ว”

“ใต้เท้าพูดถูก หากเรื่องนี้เล่าลือออกไป ราษฎรไม่เพียงแต่จะไม่ตำหนิท่าน บางทีอาจจะช่วยท่านลงโทษพวกที่สร้างความวุ่นวายให้กับโลกด้วย” เวินเหวินซงเอ่ยสนับสนุน

“คนที่อยู่ตรงนั้น และตรงนั้น…” ลู่อี้เอ่ยอย่างใจเย็น “พาไปเป็นแรงงาน เอาพวกเขาไปที่นาเกลือและเหมือง หากทำตัวดี ก็ให้พวกเขากลับเร็วหน่อย”

หลังจากได้ยินคำพูดของลู่อี้ นักโทษที่เริ่มอยู่ไม่สุขก็รีบกล่าวขึ้นว่าจะกลับตัวกลับใจ ไม่เข้ามาในคุกอีกอย่างแน่นอน

เวินเหวินซงสั่งให้ต้าหนิวและเอ้อร์หนิวนำเหล่านักการส่งนักโทษไปยังนาเกลือและเหมือง ห้องขังจึงว่างลงไปไม่น้อย

จากนั้นนักฆ่าจึงถูกไต่สวนแยกกัน

“ผู้ใดก็ตามที่เผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาก่อนจะได้ออกจากคุก อาจมีโอกาสได้ใช้ชีวิตดี ๆ อีกครั้ง” ลู่อี้เอ่ย “ระยะเวลาคือภายในวันนี้เท่านั้น หากพลาดแล้วจะไม่มีโอกาสเยี่ยงนี้อีก”

ตอนนี้เจิ้งซูอวี้ปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง

ไม่นานมานี้ ขณะที่ทานอาหารเย็นกับมู่ซืออวี่ นางรับปากว่าจะคิดถึงเรื่องคู่ชีวิตตนเอง อันที่จริงนางเพียงแค่รับปากไปอย่างนั้น อย่างไรเสีย คนที่นางชมชอบก็ไม่ใช่กะหล่ำปลีข้างทาง แค่บอกว่าจะมีก็มีได้หรือ?

ทว่าวันนี้ นางกลับถูกลากมาดูตัวเสียแล้ว

บุรุษผู้งดงามชวนตะลึงที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหร่วนฉีที่มีความสัมพันธ์อันดีกับมู่ซืออวี่

หลังจากหร่วนฉีกลับไปสวมเสื้อผ้าอย่างบุรุษ เขาก็หายไประยะหนึ่ง จากนั้นจึงกลับมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย