สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 455

บทที่ 455 ข้าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

บทที่ 455 ข้าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

มู่ซืออวี่นั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จ้องมองใบหน้าของตนเองในกระจก

“รอยช้ำบนใบหน้าดูเหมือนกำลังเยาะเย้ยข้า”

ลู่อี้วางมือลงบนบ่าภรรยา เขายืนอยู่ด้านหลังจ้องมองนางผ่านกระจกเช่นกัน “บาดแผลบนใบหน้าของเจ้ากำลังกล่าวว่า “เหตุใดนายข้าถึงใจดีเช่นนี้ ภายหน้าจะต้องดูแลตนเองให้ดี”

“ใต้เท้าลู่ ท่านกำลังปลอบใจข้าหรือ?” มู่ซืออวี่จับมือบนไหล่นาง “ตรวจสอบคดีคนหลอกลวงเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? รอท่านเสร็จแล้ว พวกเราก็รีบไปจากที่นี่เถอะ!”

“ที่เราจับได้ล้วนแต่เป็นปลาบนผิวน้ำ ยังมีปลาบางตัวหลบซ่อนอยู่ในน้ำลึก ทว่าปลาตัวใหญ่นั้นเจ้าเล่ห์นัก มันย่อมไม่ยอมโผล่มาบนผิวน้ำเลย ข้าทำได้เพียงต้องเก็บแหก่อน”

“จะปล่อยไปอย่างนี้หรือ?”

“ข้าจะส่งคนมาจับตาดูที่นี่ หากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก จะต้องจับเขาได้อย่างแน่นอน”

“ข้าจะตระเตรียมคนของกลุ่มการค้าให้กระจายกลวิธีที่พวกหลอกลวงใช้ ทุกคนจะได้รู้วิธีที่พวกมันก่อเหตุ พวกเขาจะได้เตรียมการ ‘ป้องกัน’ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้'”

“ฮูหยิน…” ลู่อี้ก้มหน้าจูบลงบนหน้าผากภรรยา “อีกสองสามเดือน ข้าจะส่งคนมารับเจ้าไปเมืองหลวง หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ต้องแยกจากกันอีกแล้ว”

ลู่อี้กำลังจะเก็บแหและจากไป ทว่ากลับเกิดคดีใหม่ขึ้นอีก ครั้งนี้เป็นคดีสังหารคน คนที่ตายก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อบ้านชราของจวนหลีอ๋อง

พ่อบ้านชราคนนี้ทำงานในจวนหลีมาเป็นเวลากว่าสิบห้าปี เขาเพิ่งเกษียณและกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดของตนเมื่อเดือนก่อน ครานี้เขาตายระหว่างทางกลับมายังจวนหลีอ๋อง ร่างของเขาถูกส่งกลับมาที่หน้าประตูจวน แล้วจะไม่ให้ผู้คนเกิดความสงสัยได้อย่างไร?

ศาลต้าหลี่จัดการคดีต่าง ๆ มากมาย ในฐานะเจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่ หน้าที่ของลู่อี้คือการไขคดีลึกลับซับซ้อนเพื่อราษฎร จึงทำได้เพียงต้องอยู่เพื่อตรวจสอบคดีต่อ

“ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” จื่อซูเดินเข้ามาพร้อมกับจานผลไม้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือร่มเอาไว้

ทันทีที่เข้าประตูมา นางก็ส่งร่มให้กับจื่อเยวี่ยนที่มารับ จากนั้นจึงวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะ แล้วค่อยเช็ดหยาดน้ำฝนที่หยดใส่ร่างกายตนออก

“ข้างนอกฝนตกหนักเพียงนี้ นายท่านยังนำคนไปตรวจสอบคดี ถึงแม้จะมีร่องรอย บางทีอาจจะถูกน้ำฝนชะล้างไปแล้วก็ได้” จื่อเยวี่ยนยัดผ้าใส่มือจื่อซู

“พวกเรากินดื่มดี ๆ อยู่ที่นี่ มีอะไรให้บ่นกัน? หากพวกเจ้ารู้สึกว่าว่างนักก็ไปช่วยที่จวนหลีอ๋อง เห็นผู้ใดยุ่งมากเกินไปก็ไปช่วยหยิบจับเสีย” มู่ซืออวี่ทายาลงบนบาดแผล

“พวกเราไม่เอาตัวเข้าไปยุ่งจะดีกว่านะเจ้าคะ!” จื่อซูเอ่ย “ฮูหยินคงไม่รู้ คนที่จวนหลีอ๋องดูเผิน ๆ ล้วนยิ้มแย้มต้อนรับขับสู้ ทว่าในความเป็นจริงต่างก็หวาดระแวงเรา”

“ใช่เจ้าค่ะ” จื่อเยวี่ยนเห็นพ้องต้องกันกับจื่อซูเป็นครั้งแรก

มู่ซืออวี่ไม่ได้ออกไปหลายวันแล้วจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

นางทายาเสร็จแล้วหันกลับไปมองสาวใช้ทั้งสอง “เกิดเรื่องอะไรที่ข้าไม่รู้งั้นหรือ?”

“อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก เมื่อวานนี้พอบ่าวและจื่อเยวี่ยนซักผ้าให้ฮูหยินเสร็จ ขณะที่พวกเราเดินผ่านเรือนหลังหนึ่งก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากข้างใน พวกเรานึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และประตูของเรือนหลังนั้นก็เปิดอยู่พอดีจึงคิดจะเข้าไปดู แต่ก่อนที่เราจะได้เข้าไป จู่ ๆ ข้ารับใช้คนหนึ่งก็วิ่งมาจากข้างหลัง คนผู้นั้นไล่เราออกมาด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยว”

“หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเรือนหลังนั้นค่อนข้างห่างไกล ดูไม่เหมือนมีคนอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเราคงคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับคนในนั้นแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไปดู ผู้ใดจะอยากเพ่นพ่านไปทั่วกันเล่า?”

“ดูเหมือนจวนหลีอ๋องจะปิดบังความลับบางอย่างเอาไว้!”

หลังจากนั้นสองสามวัน ในที่สุดรอยแผลบนใบหน้าของมู่ซืออวี่ก็ตกสะเก็ด

ฝนหยุดตกแล้ว ประหนึ่งโลกใบนี้ถูกชำระล้างให้สะอาดหมดจด ทุกหนแห่งมีชีวิตชีวาขึ้นมา

“พี่หญิงมู่” ฟ่านซือโยวเดินเข้ามาพร้อมกับ ปี้ลวี่ สาวใช้ของนาง “บาดแผลของท่านดีขึ้นหรือไม่? ข้านำขี้ผึ้งรักษาแผลเป็นมาให้ หากท่านทาทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้ง จะต้องไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้อย่างแน่นอน”

“ขอบพระทัยจวิ้นจู่” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นค้อมคำนับ

ฟ่านซือโยวพยุงนาง “พี่หญิงมู่ ข้าขอพูดคุยกับท่านเพียงลำพังได้หรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย