สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 466

บทที่ 466 จิตใจที่ทะเยอทะยานของจ้าวจื่อโม่

บทที่ 466 จิตใจที่ทะเยอทะยานของจ้าวจื่อโม่

“ข้าครุ่นคิดมาโดยตลอดว่า คนผู้นี้พยายามหลอกเงินมากมายเพียงนั้นไปทำอะไร? จำนวนเงินที่เขาได้ไป ต่อให้ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายก็เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงใช้ไม่หมด ข้าไปสืบหาว่าของที่ถูกหลอกเอาไปนั้น ท้ายที่สุดตกไปอยู่ในมือผู้ใด และข้าก็หาพบแล้ว”

“พ่อค้าวาณิชมากมายเพียงนั้นถูกหลอก นอกจากเงินแล้วยังมีของล้ำค่าจำนวนมาก พวกของมีค่าช่างน่าปวดหัว เพราะต้องนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เช่นนั้นเขาจะไปแลกที่ใดได้เล่า? ข้าจำได้ว่าฮูหยินของข้าเคยเอ่ยไว้ นางกล่าวว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ใดล้วนมีตลาดมืด ข้าจึงส่งคนไปหาของเหล่านั้นจากตลาดมืด ท่านชายโม่ผู้โด่งดังแห่งเมืองหลี เหตุใดท่านไม่ช่วยข้าวิเคราะห์ดูเล่าว่าข้าพบเบาะแสที่มีประโยชน์อะไรหรือไม่?”

จ้าวจื่อโม่ยิ้มบาง ๆ “คงไม่ได้จะกล่าวว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังตลาดมืดคือสกุลจ้าวของเรากระมัง?”

“ไม่ผิด ผู้ที่อยู่เบื้องหลังตลาดมืดคือสกุลจ้าว ดังนั้นมีเพียงสกุลจ้าวเท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด ข้าส่งคนไปไต่สวนคนงานของตลาดมืดสองสามคน พวกเขาล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าสินค้าเหล่านี้ คนเบื้องบนให้คนส่งมา มีเพียงคนเบื้องบนเท่านั้นที่รู้ที่มาของพวกมัน”

“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นจริง นี่ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลกอะไร” หลีหวางเฟยเอ่ย “กิจการของสกุลจ้าวเดิมทีก็ทำได้ดี ตลาดมืดล้วนมีลูกค้าดีเลวปะปนกันไป มีเพียงสกุลจ้าวที่สามารถอยู่ได้”

“หลีหวางเฟยกล่าวได้ไม่ผิด อาศัยเพียงเบาะแสนี้ย่อมไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสกุลจ้าวมีปัญหา เมืองฮู่เป่ยมีเหมืองแห่งหนึ่ง เหมืองแห่งนั้นถูกลอบขุดโดยพลการ น้อยคนนักที่จะรู้ ก่อนหน้านี้ข้าเคยสงสัยว่าของเหล่านั้นไปอยู่ที่ใด? อยู่ในมือผู้ใด? ผลที่ได้คือระหว่างที่ข้ากำลังตรวจสอบ นึกไม่ถึงว่าจะพบแร่เหล่านี้ในเมืองหลี นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ผู้ซื้อคิดจะทำอะไรกับมัน? ของเหล่านี้ไม่เพียงใช้เป็นเครื่องมือทำการเกษตร แต่ยังสามารถใช้เป็นอาวุธได้ด้วย หากใช้เป็นเครื่องมือทำการเกษตร จำนวนแร่ที่พบก็มากเกินไป อีกอย่างที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็เป็นความลับ มีคนพยายามที่จะลบร่องรอยหลักฐานให้มากที่สุด ดังนั้น…”

“ข้าคิดว่าคนผู้นั้นจะใช้แร่ที่มีเพื่อสร้างอาวุธจึงไปตรวจสอบ ท้ายที่สุดข้าก็ตรวจสอบจนเจอ บนภูเขาไม่ไกลจากเมืองหลวง มีคนน่าสงสัยอยู่ที่นั่นไม่น้อย คนเหล่านั้นใช้แร่ที่ซื้อมาทำเป็นอาวุธ อีกทั้งยังผลิตมันขึ้นมาในปริมาณมาก ข้ายังพบอีกว่าที่ตีนเขามีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีคนจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อย้ายชาวบ้านออกจากหมู่บ้านนั้น อ้อ ผู้ที่ครอบครองที่แห่งนั้นก็คือท่าน คุณชายจ้าว”

ลู่อี้มองจ้าวจื่อโม่ “ดูสิ เหตุใดยิ่งตรวจสอบยิ่งซับซ้อนเล่า ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่ความแค้นส่วนบุคคลอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาระดับแคว้นที่จำเป็นต้องรายงานแล้ว”

“ใต้เท้าลู่” หลีอ๋องผู้ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเป็นเวลานานเปิดปากขึ้น “ข้าอยากพูดคุยกับใต้เท้าลู่เป็นการส่วนตัว”

“หลีอ๋อง ท่านอยากพูดคุยย่อมได้ ทว่าต้องรอให้ข้ากล่าวจบเสียก่อน!” ลู่อี้มองจ้าวจื่อโม่ “หลอกลวงเอาเงิน ซื้อแร่ทำอาวุธ เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้ารับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง เกรงว่ายากนักที่จะมีคนตรวจสอบพบ คุณชายจ้าวเคยได้ยินคำกล่าวหนึ่งหรือไม่? หากไม่ต้องการให้ผู้ใดล่วงรู้ เช่นนั้นก็อย่าทำสิ่งใด เพราะตราบใดที่ลงมือแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทิ้งร่องรอยไว้”

“ใต้เท้าลู่ช่างแต่งเรื่องได้ยอดเยี่ยมนัก หากวันหนึ่งไม่ได้เป็นขุนนางแล้ว คงสามารถเป็นนักเล่านิทานได้” จ้าวจื่อโม่เอ่ย “ทว่าเรื่องที่ท่านพูดถึงนั้นข้าไม่รู้ อีกทั้งยังไม่ได้มีส่วนร่วมใด ๆ”

“ซูถิงเจิ้ง ท่านพอจะจำเขาได้หรือไม่?”

“เขาเป็นสหายร่วมศึกษาครั้งอดีต แต่ข้าไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับเขา”

“ข้าพบพัดส่วนตัวของคุณชายจ้าวที่บ้านของซูถิงเจิ้ง นี่เรียกไม่คุ้นเคยกันหรือ?”

“พัดก็ล้วนเหมือน ๆ กันหมด”

“ภาพที่วาดบนพัดนั้นเป็นฝีมือคุณชายจ้าว นั่นไม่ใช่ของที่ผู้ใดก็มีได้”

“บางทีข้าอาจทำหายไป ซูถิงเจิ้งผู้นี้มีครอบครัวยากจน เมื่อเห็นพัดนั่นไม่แน่ว่าเขาอาจจะอดที่จะเก็บไว้เองไม่ได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย