สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 485

สรุปบท บทที่ 485 ลู่ทางในการเรียนของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สรุปเนื้อหา บทที่ 485 ลู่ทางในการเรียนของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ – สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดย Internet

บท บทที่ 485 ลู่ทางในการเรียนของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ของ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย ในหมวดนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 485 ลู่ทางในการเรียนของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์

บทที่ 485 ลู่ทางในการเรียนของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์

มู่ซืออวี่ฟังพวกเขาอธิบายที่มาของ ‘หอซือเป่า’

ผู้ก่อตั้งหอซือเป่าคืออดีตหัวหน้ากองพระราชสำนัก ตอนที่นางเกษียณเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา จึงสร้าง ‘หอซือเป่า’ สำหรับทำเสื้อผ้าให้เหล่าผู้สูงศักดิ์ขึ้น ด้วยชื่อเสียงของมัน คนจึงหลั่งไหลมายังที่นี่เรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็กลายเป็นสถานที่ที่แม้แต่ผู้มั่งมียังไม่อาจเข้าไปได้ง่าย ๆ

ความสัมพันธ์ระหว่างหอซือเป่าและพระราชวังใกล้ชิดกันมาก หัวหน้ากองพระราชสำนักคนปัจจุบันเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสท่านนี้ ดังนั้นหากในวังมีเหตุเร่งด่วนอันใดก็จะมาขอนางเย็บปักจากหอซือเป่าไปช่วย

“อันอวี้ เจ้าคิดว่าที่นั่นเป็นอย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “ได้ยินพวกเจ้ากล่าวเช่นนี้แล้ว ข้ารู้สึกว่าที่นี่ไม่ธรรมดาเลย อวิ๋นเอ๋อร์ยังเล็ก ข้าไม่อยากให้นางเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ซับซ้อน”

“หอซือเป่ากว้างใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างคนในราชสำนักค่อนข้างซับซ้อน ขอเพียงเราเรียนรู้งานฝีมือเงียบ ๆ ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งอื่น ย่อมไม่มีผู้ใดมารบกวน ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ได้รับการแนะนำมาจากอาจารย์ฟ่านให้ซ่งกูกูซึ่งเป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง หากติดตามนางย่อมสามารถเรียนรู้อะไรได้มากมายจริง ๆ”

“ท่านแม่ ข้าอยากลองดู” ลู่จื่ออวิ๋นเอื้อมไปจับแขนมารดา “อาจารย์กล่าวว่าซ่งกูกูมีทักษะฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ หากได้ร่ำเรียนวิชาและทักษะเฉพาะตัวจากนาง เช่นนั้นจะเป็นโชคดีของข้า”

“พี่หญิง หากท่านไม่ให้เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไปตอนนี้ ภายหลังจะต้องเสียใจเป็นแน่ หากท่านกลัวว่าจะมีคนรังแกนาง เช่นนั้นโปรดอย่าห่วง นางเป็นบุตรสาวตระกูลขุนนาง หากผู้อื่นคิดจะรังแก พวกเขาย่อมรู้ว่าใต้เท้าลู่ไม่ยอมแน่” อันอวี้เอ่ย “หากมีอะไรเกิดขึ้นหรือเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ชอบ พวกเราก็แค่ออกมา ที่นั่นจะกังขังนางไว้ได้หรือ?”

“ใช่แล้ว เป็นเช่นนั้น” ลู่จื่ออวิ๋นเห็นพ้องต้องกัน

“พวกเจ้าเข้าขากันดีเสียจริง หากข้าไม่ยอมรับปาก จะไม่กลายเป็นคนใจร้ายหรือ? หากเป็นอย่างที่อันอวี้กล่าว เช่นนั้นก็ลองดูเถอะ แต่หากเจ้าไม่มีความสุขก็ไม่ต้องทำ” มู่ซืออวี่เอ่ยกับเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์

งานเลี้ยงครอบครัวจบลงแล้ว เด็ก ๆ กลับไปที่ห้องของตนเองเพื่อพักผ่อน ลู่จื่อชิงมีแม่นมและบ่าวรับใช้คอยดูแล พวกเขาอาศัยอยู่ที่เรือนข้าง ๆ หากมีเรื่องใดเกิดขึ้นก็สามารถแจ้งนางได้ทันที

ทันทีที่มู่ซืออวี่นั่งลง ลู่อี้ก็บีบไหล่นางอย่างเอาใจ

“ลำบากเจ้าแล้ว”

“เพียงแค่นี้หรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยเสียงเรียบ “ไยไม่รู้จักเอ่ยถ้อยคำหวาน ๆ บ้าง? คำเรียบ ๆ เพียงสามคำซื้อความลำบากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาของข้าได้หรือ ความเหนื่อยยากของข้าราคาถูกเกินไปแล้ว”

“ผู้ใดบอกว่ามีเพียงสามคำนี้เล่า? ยังมีข้าอีกคน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามีล้วนเป็นของเจ้า” ลู่อี้สวมกอดนางจากด้านหลัง “ทุกช่วงเวลาก่อนหน้านี้เป็นวันคืนที่ข้าทุกข์ทนที่สุด พวกเจ้าอยู่ไกลสุดขอบโลก เกิดอะไรขึ้นข้าล้วนไม่รู้ และไม่สามารถช่วยได้ ราวกับพยายามไขว่คว้าเมฆหมอกมาไว้ในมือ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ครอบครัวเราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะลำบากยากเย็นเพียงใด ข้าก็ไม่กลัว”

“ใต้หล้านี้ยังมีสิ่งใดที่ใต้เท้าลู่หวาดกลัวด้วยหรือ?”

“มี! ทั้งยังมีมากเมื่อมองไม่เห็นเจ้า มองไม่เห็นเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ มองไม่เห็นฉาวอวี่ มองไม่เห็นเสี่ยวชิงเอ๋อร์ ข้าล้วนกังวลทุกสิ่ง…”

มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา “ใต้เท้าลู่ ตอนที่ข้าไม่อยู่ ท่านไปแอบเรียนวิชาเหล่านี้กับผู้อื่นมาใช่หรือไม่? ข้าจะบอกให้นะ หากข้ารู้ว่าท่านมีสตรีรู้ใจข้างนอกละก็ ข้าไม่ปล่อยท่านไว้แน่”

“สามีเจ้าน่าสงสารถึงเพียงนี้ ทุกวันล้วนแต่กินไม่ได้นอนไม่หลับ อีกทั้งยังถูกขุนนางกลุ่มหนึ่งรุมทึ้งอยู่ตลอด แต่ละวันต้องกังวลว่าสหายร่วมงานจะขุดหลุมพรางอะไรไว้ เช่นนี้จะไปมีสตรีรู้ใจได้อย่างไรกัน?”

สามีภรรยาสนทนาพูดคุยอยู่เงียบ ๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเปลี่ยนมาคลอเคลียกันอย่างรักใคร่ แม้แต่พระจันทร์ยังมิอาจทนมองฉากหวาน ๆ นั่นได้

วันต่อมา มู่ซืออวี่พาลู่จื่ออวิ๋นไปปฏิบัติตามธรรมเนียมมอบของขวัญวันพบหน้าที่ ‘หอซือเป่า’

หอซือเป่าตั้งอยู่ใกล้เมืองชั้นในมากที่สุด ที่นั่นเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ในทำเลที่ผืนดินมีค่าดั่งทองคำเช่นนี้ หอซือเป่าครอบคลุมพื้นที่สองหมู่เป็นอย่างต่ำ

หอแห่งนี้สง่างามโอ่โถง ภายในได้รับการประดับประดาอย่างวิจิตรงดงาม

นับตั้งแต่ยามเฝ้าประตูไปจนถึงคนที่อยู่ข้างใน เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ล้วนออกแบบมาอย่างประณีต ผ้าแต่ละชิ้นล้วนเป็นผ้าเนื้อดี

เหล่าสตรีทั้งหลายมีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับอยู่บนใบหน้า ทุกอากัปกิริยาล้วนเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของสตรีชั้นสูง นี่เป็นกลิ่นอายเฉพาะตัวของคนจากในวังอันสูงศักดิ์

ไม่เสียทีที่เป็นอดีตหัวหน้ากองพระราชสำนัก นางทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นวังอีกแห่งได้อย่างง่ายดาย

“ซ่งกูกู ลูกสาวของข้าเพียงแค่อยากทำงานเย็บปักถักร้อย นางไม่ได้คิดเรื่องอื่น ซ่งกูกูไม่จำเป็นต้องกังวล” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าและบิดาของนางเพียงแค่อยากให้ชั่วชีวิตนี้ของบุตรสาวมีความสุข ใต้เท้าลู่รักลูกสาวของเขาดั่งชีวิต ย่อมมิยอมให้ผู้อื่นรังแกนางแน่”

ซ่งกูกูทราบตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าเด็กคนนี้เป็นบุตรสาวตระกูลขุนนาง ชื่อเสียงของใต้เท้าลู่เลื่องลือเป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่คนที่ผู้อื่นจะล่วงเกินได้ง่าย ๆ

“ขอแค่เพียงนางเต็มใจที่จะเรียน ข้าจะอบรมนางเป็นอย่างดี ฟ่านอวี๋และข้าเป็นสหายสนิท ลูกศิษย์ของนางก็เหมือนลูกศิษย์ของข้า” ซ่งกูกูไม่ลังเลใจอีกต่อไป

มู่ซืออวี่ฝากฝังลู่จื่ออวิ๋นไว้

ซ่งกูกูผู้นี้ดูเหมือนเป็นคนจิตใจดี เมื่อเห็นว่านางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์ฟ่านจะต้องดูแลลูกสาวของนางเป็นอย่างดีแน่นอน

“เสื้อผ้าที่ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีสั่งไว้พร้อมหรือยัง?”

“เรียนท่านผู้ดูแล ยังไม่เสร็จเจ้าค่ะ การตกแต่งชุดนี้ต้องใช้ไข่มุก ทว่าไข่มุกที่มีขนาดเท่ากันหายไปหนึ่งเม็ด เรายังหาไข่มุกเม็ดนั้นอยู่เจ้าค่ะ”

“หากไม่มีไข่มุก เช่นนั้นก็ทดแทนด้วยอัญมณี ไข่มุกเป็นอย่างเดียวในโลกนี้ที่คู่ควรกับเสื้อผ้าหรือ? เจ้าไปหาผู้ดูแลเฟิ่งให้คัดหยกให้สักชิ้น แล้วตัดเป็นทรงกลมขนาดที่ต้องการเสีย”

ขณะที่อันอวี้กำลังจะส่งมู่ซืออวี่กลับไปก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี นางจึงทักทายคนผู้นั้น นั่นก็คือ ‘ผู้ดูแลเมิ่ง’

ผู้ดูแลเมิ่งเหลือบมองมู่ซืออวี่แวบหนึ่งแล้วพยักหน้าให้อันอวี้

อันอวี้ไปส่งมู่ซืออวี่ที่ประตู “คนเมื่อครู่นี้คือผู้ดูแลเมิ่ง มีตำแหน่งเช่นเดียวกับซ่งกูกู”

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์อยู่ที่นี่ต้องฝากเจ้าแล้ว หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็แจ้งข้า” มู่ซืออวี่เอ่ย “ที่นี่มีคนมาก เกรงว่าคงมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น”

“วางใจเถอะ ข้าจะดูแลเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ให้ดี” อันอวี้เอ่ย “ข้ายอมไม่อยู่ที่นี่ได้ แต่ไม่ยินยอมให้เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ทนทุกข์ใจเป็นอันขาด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย