สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 492

บทที่ 492 มีคนกลั่นแกล้งเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์

บทที่ 492 มีคนกลั่นแกล้งเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์

ณ หอซือเป่า

ดรุณีนางหนึ่งในชุดสีส้มเดินเข้ามาเคาะลงที่โต๊ะของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ แล้วเอ่ยกับนางเสียงเรียบ “เจ้าเป็นคนที่มาใหม่ใช่หรือไม่?”

ลู่จื่ออวิ๋นกำลังร้อยเส้นด้ายผ่านรูเข็ม ครั้นได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเช่นนั้นจึงวางของในมือลง ลุกขึ้นตอบอย่างว่าง่าย “เจ้าค่ะ พี่หญิงฮวาหรง”

“รู้จักชื่อของข้าด้วยหรือ? ดูเหมือนเจ้าจะใส่ใจไม่น้อย” ฮวาหรงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูก “ในเมื่อเจ้าเป็นคนใหม่ของที่นี่ เช่นนั้นก็เริ่มเรียนตั้งแต่พื้นฐานเถอะ!”

“พื้นฐานที่พี่หญิงฮวาหรงเอ่ยคือ…” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม

“ตรงนี้มีพัดชุดหนึ่งที่ต้องทำ เจ้าจงทำมันออกมา”

ฮวาหรงเอ่ยจบ สาวใช้สองนางก็เดินออกมาจากด้านหลังพร้อมตระกร้าใบใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยเศษผ้า

“ซ่งกูกูกล่าวว่าพื้นฐานของข้าดีมากแล้ว มิจำเป็นต้องฝึกฝนอีกต่อไป นางจึงให้ข้ารับผิดชอบชุดหรูฉวิน*[1] ของคุณหนูหวัง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “หากพี่หญิงฮวาหรงกล่าวเช่นนี้ ให้ข้าไปถามซ่งกูกูเองจะดีกว่า! ถ้านางคิดว่าข้าต้องเริ่มเรียนจากพื้นฐานจริง ๆ แน่นอนว่าข้าย่อมทำตาม”

“เจ้ายังนำซ่งกูกูมาอ้างอีกหรือ?” ฮวาหรงเย้ยหยัน “ผู้ใดบ้างมิต้องเรียนพื้นฐานเมื่อเข้ามาเป็นครั้งแรก? เจ้าพิเศษเพียงนั้นเชียว? อย่าได้คิดว่ามีซ่งกูกูคอยถือหางแล้วเจ้าจะแหกกฎได้”

“วุ่นวายอะไรกัน?” ผู้ดูแลเมิ่งเดินเข้ามา “ฮวาหรง เจ้ามาวุ่นวายอันใด?”

“ผู้ดูแลเมิ่ง ระยะนี้พวกเราต้องเร่งมือทำพัดออกมาชุดหนึ่งมิใช่หรือ? ข้าคิดว่าคนมาใหม่คงมีเวลาว่างจึงให้นางเร่งทำพัดชุดนี้ออกมา ตอนแรกที่เข้ามาหอซือเป่า พวกเราล้วนเริ่มต้นตั้งแต่เรื่องพื้นฐานกันทุกคน เหตุใดนางจึงไม่เหมือนกันเล่า?”

“นางเรียนมาจากผู้มีชื่อเสียง ฝีมือของนางย่อมดีกว่าพวกเจ้า หากพวกเจ้าไม่พอใจ เช่นนั้นก็แสดงฝีมือของพวกเจ้าให้ข้าเห็น อย่าได้มาทำกิริยาหมาป่ากินองุ่นไม่ถึงแล้วบอกว่าเปรี้ยวแถวนี้*[2]” ผู้ดูแลเมิ่งตำหนิอย่างไม่ไว้หน้า “ลู่จื่ออวิ๋น เจ้าเพิ่งมา คงยังไม่รู้จักลูกค้าคนสำคัญของเรา เอาอย่างนี้เถอะ เจ้าตามหยางเจิงไปสนามม้าส่งเสื้อผ้าสำหรับขี่ม้าชุดนี้”

“เจ้าค่ะ ผู้ดูแลเมิ่ง”

หยางเจิงเป็นเด็กสาวอายุราวสิบสามสิบสี่ปี อวบอ้วนตัวกลมเล็กน้อย ยามยิ้มมีลักยิ้มคู่หนึ่งปรากฏออกมา นางดูเหมือนแม่นางที่เบิกบานร่าเริงอยู่เสมอ

หลังจากทั้งสองขึ้นรถม้าแล้ว หยางเจิงก็เอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น “เจ้าช่างร้ายกาจ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพูดจาเช่นนั้นกับพี่หญิงฮวาหรง”

“ข้าโต้กลับบ้างไม่ได้หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม “ดูจากเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ นางระดับสูงกว่าเราก็จริง แต่ที่นี่คงไม่มีกฎให้เชื่อฟังคำสั่งของรุ่นพี่หญิงกระมัง?”

“ก็ไม่มีจริง ๆ นั่นแหละ แต่อาของพี่หญิงฮวาหรงคือผู้ดูแลหลิน ผู้ดูแลหลินได้รับความเคารพจากเจ้าหอเป็นอย่างมาก จึงมีอำนาจมากกว่าผู้ดูแลคนอื่น ๆ หากเจ้าล่วงเกินนาง ภายหน้าจะต้องโดนจับตาดูเป็นแน่”

“ข้าไม่ได้พูดอะไรผิด หรือว่าที่ข้ากล่าวไม่ใช่ความจริง?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านพ่อท่านแม่ของข้าบอกว่า ข้าเข้ามาหอซือเป่าเพื่อความสุขของตนเอง หากข้าไม่มีความสุขก็แค่กลับไป บ้านข้ามิได้ต้องการให้ข้าทำงานหาเงิน ข้าเพียงแต่อยากฝึกทักษะฝีมือเท่านั้น หากพวกเขาทำให้ข้าไม่มีความสุข ข้าก็เพียงแค่จากไปเสีย เช่นนี้ก็ไม่ต้องขุ่นข้องหมองใจแล้ว”

หยางเจิงมองลู่จื่ออวิ๋นด้วยความประหลาดใจ

“ข้าพูดผิดหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นฉงน “เหตุใดท่านจึงมองข้าเช่นนั้น?”

“ที่แท้เจ้าเป็นลูกสาวตระกูลผู้มั่งมีนี่เอง!” หยางเจิงมองนางด้วยสายตาอิจฉา “หอซือเป่าของเราก็มีพี่หญิงน้องหญิงจากตระกูลผู้มั่งมีไม่น้อย ทว่าบิดามารดาล้วนให้พวกเขาเข้าหอซือเป่าเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดเหมือนบิดามารดาของเจ้ามาก่อน”

“สนามม้าอยู่ที่ใดหรือ? ไกลจากที่นี่หรือไม่?”

“ที่ที่พวกเราไปวันนี้เป็นสนามม้าที่ใหญ่ที่สุด มีเพียงบุตรหลานผู้สูงศักดิ์เท่านั้นที่เข้าได้ จึงอยู่แถบชานเมือง”

ครึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าก็หยุดลง

ผู้ติดตามคนหนึ่งรีบเดินเข้ามา “พวกเจ้ามาเสียที ชุดขี่ม้าเล่า?”

หยางเจิงและลู่จื่ออวิ๋นเผยห่อเสื้อผ้าในอ้อมแขนของพวกนางให้ดู

“ใช้ได้ นี่แหละ!” ผู้ติดตามคนนั้นกอดห่อเสื้อวิ่งเข้าไปข้างใน

ลู่จื่ออวิ๋นมองสนามม้าที่อยู่ตรงหน้า

มันเป็นลานโล่งกว้างที่ห้อมล้อมด้วยรั้ว ม้ามากมายถูกควบอยู่ข้างใน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย