สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 493

บทที่ 493 เซี่ยเฉิงจิ่นแห่งจวนอู่อันโหว

บทที่ 493 เซี่ยเฉิงจิ่นแห่งจวนอู่อันโหว

เมื่อได้รับอนุญาตจากเซี่ยเฉิงจิ่น ผู้ติดตามจึงส่งชุดขี่ม้าให้ลู่จื่ออวิ๋นดู

หยางเจิงที่ตามลู่จื่ออวิ๋นเข้ามาไม่กล้าแม้แต่แสดงสีหน้าโกรธเคือง นับประสาอะไรกับมองไปทางเซี่ยเฉิงจิ่น เพียงมองผ่านแวบ ๆ เมื่อครู่นี้ นางยังตกตะลึงกับรูปโฉมของเซี่ยเฉิงจิ่นอยู่เลย

แน่นอนว่ารูปโฉมของเซี่ยเฉิงจิ่นดียิ่ง ทว่าสิ่งที่โด่งดังกว่ารูปโฉมของเขาคือนิสัย เล่าลือกันว่าครั้งหนึ่งมีคนแตะต้องใบหน้าของเขา สุดท้ายเรื่องจบลงด้วยการที่คนผู้นั้นถูกม้าลากจนพิกลพิการ อีกทั้งคนที่โดนลงโทษยังเป็นถึงบุตรชายคนโตจากภรรยาเอกของขุนนางขั้นสาม

แน่นอนว่าขุนนางขั้นสามผู้นั้นไม่ยอม เขาจึงไปร้องเรียนกับฮ่องเต้ ทว่าเขากลับถูกตบหน้าเข้าหนึ่งฉาด นับแต่นั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้ายุ่งกับคุณชายเซี่ยอีก

ในห้องเงียบสงบเป็นอย่างมาก เซี่ยเฉิงจิ่นเพียงขยับเขยื้อนกายอยู่บนม้านั่ง เพียงแค่นั้นหยางเจิงก็หวาดกลัวเสียจนสั่นไปทั้งตัว

เมื่อเห็นรูบนชุดขี่ม้าของเขา หยางเจิงจึงเอ่ยขึ้น “จื่ออวิ๋น รอยใหญ่เพียงนี้ ถึงแม้จะเย็บซ่อมแล้ว อย่างไรก็ไม่แนบสนิทกัน”

ลู่จื่ออวิ๋นมองดูแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะลองดู! อย่างไรเสียตอนนี้ก็ใส่ไม่ได้ ดังนั้นรักษาม้าตายเช่นม้าเป็นเถอะ”

สายตาของเซี่ยเฉิงจิ่นจับจ้องอยู่ที่ลู่จื่ออวิ๋น

แม่นางน้อยผู้นี้อายุไม่มาก ทว่ากล้าหาญไม่เบา ตอนพบหน้าเขานางก็ไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเป็นคนไม่หวั่นเกรงสิ่งใด หรือเพราะคนมีฝีมือมักจะใจกล้ากันแน่?

ลู่จื่ออวิ๋นนำเข็มและด้ายหลากสีออกมาราวกับมีเวทมนตร์

“เจ้าพกของไว้กับตัวด้วยหรือ?” หยางเจิงตะลึงงัน

“ข้าทำงานในหอซือเป่า แน่นอนว่าย่อมต้องพก ‘อาวุธ’ ติดตัวไว้ตลอดเวลา เหมือนนักรบที่ไม่อาจขาดดาบคู่กายได้ พวกเราก็มีอาวุธของตนเองเช่นกัน”

เซี่ยเฉิงจิ่งแย้มยิ้มออกมา

แม้จะเป็นเพียงการหยักยกมุมปาก ทว่าเท่านี้ก็เพียงพอให้ผู้ติดตามตกใจแล้ว

เขาลุกขึ้น เดินเข้าไปหาลู่จื่ออวิ๋น

อันที่จริงเซี่ยเฉิงจิ่งรุ่นราวคราวเดียวกันกับฟ่านเหยี่ยน ทว่าเขากลับมีบรรยากาศที่สหายรุ่นเดียวกันไม่มี

คุณชายสามจวนอู่อันโหวเพียงแค่มองทุกความเคลื่อนไหวของลู่จื่ออวิ๋นนิ่ง ๆ

หยางเจิงที่อยู่ข้าง ๆ หวาดกลัวเสียจนไม่อาจขยับเขยื้อน ทว่าลู่จื่ออวิ๋นกลับมิได้รับผลกระทบใด ๆ แม้แต่น้อย

นางปักหมาป่าขาวตัวหนึ่งลงไปบนรูนั้น

หมาป่าตัวนั้นหน้าตาเย็นชา สีหน้าของมันคล้ายคลึงกลับเซี่ยเฉิงจิ้งอยู่หลายส่วน

“ตำแหน่งนี้ปักหมาป่าลงไปแล้วโดดเด่นจริง ๆ” ผู้ติดตามเอ่ย “ดูสง่างามน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!”

“จื่ออวิ๋น เจ้าทำได้รวดเร็วมาก!” หยางเจิงมองนางด้วยสายตานับถือ “ซ่งกูกูกล่าวถูกต้องแล้ว ถึงแม้เจ้าจะเพิ่งมาถึงก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่พื้นฐาน ฝีมือเจ้าช่างน่าตกตะลึงยิ่ง”

“เสร็จแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “หากไม่มีปัญหาใด พวกเราคงต้องขอตัวก่อน”

เซี่ยเฉิงจิ่งหยิบชุดขี่ม้าตัวนั้นขึ้นมา สัมผัสหมาป่าที่แม่นางน้อยเพิ่งปักลงไป สายตาของเขาหยุดลงที่ร่างลู่จื่ออวิ๋น

“เจ้ามีนามว่าอะไร?”

“ข้าแซ่ลู่” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่?”

“ทำได้ไม่เลว” เซี่ยเฉิงจิ่นมองผู้ติดตามของเขา “ตกรางวัล”

ผู้ติดตามคนนั้นนำถุงเงินออกมา

ลู่จื่ออวิ๋นไม่แม้แต่จะเหลือบมอง นางเอ่ยกับหยางเจิง “ท่านเก็บไว้เถอะ!”

กระทั่งเดินออกมาได้ไกลแล้ว หยางเจิงจึงรู้สึกราวกับว่าเพิ่งตื่นจากความฝัน

“คุณชายเซี่ยผู้นี้ไม่ได้โหดเหี้ยมอย่างที่เล่าลือเพียงนั้นเลย!”

“ใช่หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเรา!” ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มหวาน

นางอดหัวเราะออกมาไม่ได้ บุตรหลานผู้สูงศักดิ์ที่ผ่านมาเห็นล้วนแต่กุมสายบังเหียนแน่น

เด็กหนุ่มผู้หนึ่งควบม้ามาหยุดอยู่ตรงหน้านาง

“คนของหอซือเป่าหรือ?” ชายผู้นั้นเห็นเสื้อผ้าที่พวกนางสวมใส่ มองเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ทันที “อยากขี่ม้าเล่นหรือไม่?”

หยางเจิงคว้าลู่จื่ออวิ๋นเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณที่มีน้ำใจ เพียงแต่พวกเราต้องกลับไปทำงาน ขอตัวก่อน”

เห็นได้ชัดว่านางหวาดกลัวแทบตาย แต่ก็ยังกุมมือลู่จื่ออวิ๋นเอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย