สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 517

บทที่ 517 ใต้เท้าลู่ ขอยืมตัวฮูหยินของท่านสักพัก

บทที่ 517 ใต้เท้าลู่ ขอยืมตัวฮูหยินของท่านสักพัก

มู่ซืออวี่เพิ่งออกมาจาก ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ก็เห็นรถม้าของลู่อี้จอดอยู่ไม่ไกลออกไป ลู่อี้ยืนอยู่ข้างรถม้าขณะที่หันหลังให้นาง

นางยกกระโปรงยาวของตนขึ้น ย่องเข้าไปใกล้ ๆ เมื่อเข้าไปใกล้ลู่อี้ก็พุ่งเข้าใส่เขา

ลู่อี้สัมผัสได้ถึงบางอย่างจึงหันกลับมา ทันได้เห็นการพุ่งตัวเข้ามาอย่างน่าหวาดเสียวของภรรยาพอดี

“ระวังหน่อย” ลู่อี้ทั้งจนปัญญาทั้งขบขันในคราวเดียวกัน “พื้นเต็มไปด้วยหิมะ หากเจ้าลื่นล้มเล่า?”

“สามีของข้าฝีมือยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ย่อมรับข้าได้แน่นอน!” มู่ซืออวี่คล้องแขนรอบคอเขาแล้วเอ่ยเสียงหวาน “วันนี้ลมอะไรหอบมาหรือ จู่ ๆ ใต้เท้าลู่ถึงมารับข้าได้”

“อะแฮ่ม…” เสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้นมาจากรถม้า

ลู่อี้ข่มรอยยิ้มเอาไว้ โน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูนาง “ใต้เท้าฉีจากหน่วยลับอยู่ข้างใน”

มู่ซืออวี่ปล่อยเขาออก จากนั้นจึงหันไปมองทางรถม้า

นี่เป็นรถม้าสกุลลู่ เหตุใดใต้เท้าฉีผู้อารมณ์ร้ายที่แตะต้องไม่ได้จากหน่วยลับผู้นั้นจึงมาอยู่ข้างในเล่า?

มือเรียวยาวคู่หนึ่งเลิกผ้าม่านขึ้น ฉีเซียวที่สวมหน้ากากมองมาทางมู่ซืออวี่ด้วยสายตาเยือกเย็น “ฮูหยินลู่ ครานี้ต้องการความช่วยเหลือจากท่านแล้ว”

มู่ซืออวี่มองลู่อี้อย่างไม่เข้าใจ

ลู่อี้เอ่ยกับฉีเซียว “ใต้เท้าฉี ฮูหยินไม่รู้อันใดทิ้งสิ้น มิสู้ให้เวลาพวกเราครึ่งชั่วยามดีหรือไม่? ข้าต้องอธิบายเรื่องราวให้นางฟัง นางเองก็ต้องจัดการเรื่องที่บ้านเช่นกัน”

“ได้ เช่นนั้นอีกครึ่งชั่วยามพบกันที่ประตูเมือง”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามลู่อี้

ลู่อี้อธิบายความเป็นมาทั้งหมดให้นางฟัง

วันนี้เขากำลังจัดการคดีอยู่ที่ศาลต้าหลี่ จู่ ๆ ฉีเซียวจากหน่วยลับก็ปรากฏตัวขึ้นและเรียกเขา ทั้งยังเอ่ยออกมาหนึ่งประโยค ‘ใต้เท้าลู่ ครานี้ข้าต้องใช้ฮูหยินของท่าน’

“ข้าไม่เข้าใจเรื่องในราชสำนัก เหตุใดต้องมาหาข้า?”

“เขากล่าวว่าเจ้ามีทักษะทางกลไกลที่ยอดเยี่ยม ลูกน้องคนสำคัญใต้อาณัติเขาถูกจับตัวไป เขาช่วยลูกน้องกลับมาได้ แต่อีกฝ่ายถูกขังอยู่ในกล่องใบหนึ่ง หากฝืนเปิดกล่องใบนั้นก็จะช่วยคนด้านในไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องให้เจ้าตามเขาไปสักเที่ยวและใช้ความสามารถที่มีช่วยลูกน้องเขาไว้”

“อืม…”

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

“ไกลหรือไม่?”

“อาจต้องใช้เวลาสองถึงสามวัน”

“เช่นนั้น ข้าจะกลับบ้านก่อนสักเที่ยว ไปบอกกล่าวกับพ่อบ้านและแม่นมสักหน่อย หากเสี่ยวชิงเอ๋อร์หาเราไม่เจอ นางจะได้ไม่โกรธ”

ครึ่งชั่วยามต่อมา มู่ซืออวี่และลู่อี้ขึ้นรถม้าไป ขณะที่ฉีเซียวลงจากรถม้าแล้วควบม้าตามมาด้านหลัง

กลางฤดูหนาว การเดินทางใช้เวลาสองถึงสามวัน เส้นทางที่ใช้เดินทางลำบากยิ่ง โชคดีที่นางพกแผ่นแปะทำความร้อนมาหลายแผ่นจึงพอถูไถอดทนไปได้ นอกจากนี้ในรถม้าก็มีผ้าห่ม นางห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม ซุกอยู่ในอ้อมแขนของลู่อี้ นับว่าเป็นความสุขเล็ก ๆ อย่างหนึ่ง ถึงแม้จะหยุดพักระหว่างทาง นางก็แทบไม่ออกมาเลย เว้นเสียแต่ว่าจะออกมาจัดการเรื่องเร่งด่วนสามประการเท่านั้น

“ใต้เท้าลู่ ออกมาปรึกษาหารือเถิด” เฉินหลิ่งตะโกนเข้ามาจากด้านนอก

ลู่อี้เอ่ยกับมู่ซืออวี่ที่อยู่ในอ้อมแขน “ข้าจะออกไปสักครู่”

“อืม” มู่ซืออวี่ครางรับคำแล้วเอนตัวลงไปหาว

ลู่อี้และฉีเซียวพูดคุยบางอย่างกัน พลางมองไปทางรถม้าเป็นระยะ

“ในเมื่อด้านหน้าถูกปิดทางแล้ว เช่นนั้นพวกเราทำได้เพียงอ้อมไป” ลู่อี้เอ่ย “แต่ว่าท่านต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นหิมะถล่มจริง ๆ หรือว่าเป็นฝีมือมนุษย์”

“คนของข้าจะไปจัดการให้” ฉีเซียวกล่าว

ก่อนพลบค่ำ พวกเขาก็มาถึงเมืองแห่งหนึ่ง จึงพักแรมอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งคืน

ฉีเซียวเหมาทั้งโรงเตี๊ยมไว้แล้ว

มู่ซืออวี่จุดไฟสว่างไสวทั้งห้อง หลังจากทานมื้อค่ำ นางก็เข้านอนพักผ่อนทันที

ตกดึก ลู่อี้ปิดหูของมู่ซืออวี่ กอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา

อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย