สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 531

บทที่ 531 ความใจดีเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด

บทที่ 531 ความใจดีเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด

น้าของหยางเจิงเป็นคนไม่รู้หนังสือ ทว่านี่ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวมองไม่เห็นลายนิ้วมือที่อยู่บนนั้น

“เป็นไปไม่ได้ ท่านหลอกข้า” สีหน้าน้าของหยางเจิงดูไม่เชื่อ

“หากท่านไม่เชื่อ พวกเราขอให้ท่านเจ้าออกมายืนยันเรื่องนี้ได้ ทว่าท่านเจ้าหอยุ่งเป็นอย่างมาก ปกตินางไม่พบใครง่าย ๆ นัก” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านกลับไปถามหยางเจิงดูเองเถิด คราแรกหยางเจิงปิดบังไว้เพราะนางไม่อยากให้พ่อแม่ของนางเป็นกังวล ตอนนี้ไม่อาจปิดไว้ได้แล้ว นางคงไม่โกหกพวกท่านอีก”

สีหน้าน้าของหยางเจิงย่ำแย่เป็นอย่างมาก “สินสอดล้วนรับไว้แล้ว…”

“คืนกลับไปก็สิ้นเรื่อง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “หรือจริง ๆ ท่านใช้เงินไปหมดแล้วจึงส่งกลับคืนไม่ได้? หากเป็นเช่นนั้น อีกฝ่ายอาจต้องรายงานกับทางการ!”

น้าของหยางเจิงจากไปด้วยความสิ้นหวัง

สวีมู่เวยกอดแขนของลู่จื่ออวิ๋น “ร้ายกาจจริง จื่ออวิ๋น”

ผู้ดูแลเมิ่งมองลู่จื่ออวิ๋นนิ่ง ๆ “เจ้าช่วยหยางเจิง คิดว่านางจะซาบซึ้งหรือไม่?”

“หยางเจิงเคยบอกว่า นางต้องการเรียนทักษะเย็บปักถักร้อยและเป็นหญิงปักผ้าชั้นครูในโลกหล้านี้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ข้าเชื่อว่านางไม่ได้หลอกข้า การแต่งงานนี้จะต้องไม่ใช่ความปรารถนาของนางอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่อยู่ที่บ้านบุตรสาวล้วนเชื่อฟังคำบิดา แต่งงานไปก็ต้องเชื่อฟังคำสามี เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับนาง ถือสิทธิ์อะไรไปยุ่งกับเรื่องของผู้อื่น?” ผู้ดูแลเมิ่งยังคงกล่าวเย้ยหยันต่อไป “ความใจดีเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด บางครั้งก็กลายเป็นดาบสองคม สุดท้ายผู้ที่ถูกทำร้ายจะกลายเป็นเจ้าเอง”

“ท่านแม่เคยเล่าเรื่องงูเห่ากับชาวนาให้ข้าฟัง ทั้งยังเคยเล่าเรื่องคุณชายตงกัวกับหมาป่าด้วย นางกล่าวว่าไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่เราทำความดีจะได้รับรางวัลตอบแทน แต่เราก็ไม่อาจนั่งนิ่งทำตัวเมินเฉย มิเช่นนั้นจะเป็นการผิดต่อมโนสำนึกของตน หากเราพบสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อช่วยผู้อื่น จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองก่อน ดังนั้นข้าไม่ได้ทำดีโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด”

“หากเขาต้องการพบท่านเจ้าหอจริง ๆ เล่า? หรือเจ้าจะให้ท่านเจ้าหอร่วมโกหกไปกับเจ้าด้วย?”

“ท่านเจ้าหอไม่อยู่เจ้าค่ะ”

“ท่านเจ้าหอจะกลับมา”

“ท่านเจ้าหอย่อมไม่ยอมพบผู้ที่ขายหลานสาวตนเอง นางยุ่งมากจนไม่มีเวลาเหลือเฟือเพียงนั้น หากเขายังคงยืนกราน เพียงแค่ให้บ่าวรับใช้ทุบตีเขาแล้วค่อยโยนออกไปก็พอ ข้าเคยสอบถามเรื่องน้าของหยางเจิงผู้นี้แล้ว เขาเป็นคนเลว แสร้งทำเป็นหวังดีต่อหลานสาว แต่ในความเป็นจริงเขากลับเห็นหลานสาวเป็นสินค้า ติดต่อหาผู้ซื้อไปเรื่อย” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “หยางเจิงเป็นหลานสาวคนโตอีกทั้งยังมีความสามารถมากที่สุด ขายหยางเจิงออกไปก่อน ประการแรก ราคาย่อมดีกว่า ประการที่สองหากไม่มีหยางเจิงแล้ว เขาถึงจะสามารถทำเช่นนี้กับหลานสาวที่เหลือได้”

นับตั้งแต่นางรู้เรื่องสถานการณ์ในครอบครัวหยางเจิง ลู่จื่ออวิ๋นก็ให้คนของนางตรวจสอบเรื่องราวออกมาจนแน่ชัด ท่านน้าผู้นั้นทำอะไรลงไป วางแผนจะทำสิ่งใดต่อไป นางย่อมรู้กระจ่างแจ้ง

ผู้ดูแลเมิ่งมองลู่จื่ออวิ๋น ความซับซ้อนปรากฏในดวงตาเย็นชาคู่นั้นของนาง

ใบหน้าก็โดดเด่น อีกทั้งยังมีความกล้า มีแผนการ และมีความสามารถที่ทำให้ผู้คนอยากนับถือ ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าครอบครัวจะสามารถปกป้องนางได้หรือไม่

“สัญญาหนี้ฉบับนี้…” ผู้ดูแลเมิ่งหยิบมันจากมือของสวีมู่เวย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่ออวิ๋น “อักษรบนนี้ผู้ใดเขียน?”

“ข้าเขียนเองเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ข้าเลียนแบบลายมือท่านอาจารย์”

ผู้ดูแลเมิ่งประหลาดใจเมื่อเห็นลายมือของท่านเจ้าหอสวีบนนั้น

ความคล้ายคลึงมีถึงแปดส่วน หากไม่รู้จักท่านเจ้าหอสวีดี ย่อมมองความแตกต่างไม่ออกอย่างแน่นอน

“ลู่จื่ออวิ๋น อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ” ผู้ดูแลเมิ่งส่งสัญญาหนี้คืนให้พวกเขาแล้วเดินจากไป

สวีมู่เวยแตะแขนของลู่จื่ออวิ๋น “ผู้ดูแลเมิ่งปกติมักจะดุร้าย ไม่ชอบพูดคุยกับผู้ใด ทว่าเมื่อครู่นี้นางกลับยิ้มให้เจ้าแล้ว”

“ยิ้มหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นงุนงง “ข้าไม่เห็น”

“นางยิ้มอย่างแน่นอน” สวีมู่เวยเอ่ย “ถึงแม้จะเป็นเพียงแวบเดียว แต่ก็ยิ้มออกมาแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย