สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 535

บทที่ 535 พวกเราไม่ต้องการหลักฐาน

บทที่ 535 พวกเราไม่ต้องการหลักฐาน

ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มให้ฮวาหรงแล้วเอ่ยว่า “นั่นน่ะสิ หอซือเป่าเรามีของน่ารังเกียจเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดกัน พี่หญิงฮวาหรง ท่านอยู่ที่นี่ก็นานแล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าพวกมันมาจากไหน?”

ฮวาหรงเบะปาก “ข้าจะรู้ได้อย่างไร? ของพรรค์นี้… เกรงว่าจะมีคนไม่สะอาดนำเข้ามาปะปนน่ะสิ!”

“นั่นสิ” ลู่จื่ออวิ๋นเห็นพ้องต้องกันกับคำพูดของฮวาหรงเป็นครั้งแรก “มีเพียงคนสกปรกเท่านั้นที่จะแตะของสกปรกเช่นนี้ ข้าหวังว่าคนผู้นั้นคงไม่ฝันร้าย”

รอยยิ้มของนางใสซื่อบริสุทธิ์ ถ้อยคำของนางหรือก็จริงใจในสายตาของทุกคน นางเห็นด้วยกับคำพูดของฮวาหรงจริง ๆ ทว่ากลับไม่มีใครรู้เลยว่าแววตาของคุณหนูสกุลลู่เยือกเย็นเพียงใด

เหล่าหญิงเย็บปักล้วนรู้สึกว่าสองคนนี้แปลกพิลึก

ปกติทั้งสองมักจะไม่ลงรอยกันอยู่เสมอ เหตุใดวันนี้ถึงได้ ‘สามัคคีกลมเกลียว’ ถึงเพียงนี้เล่า?

“เรื่องนี้ไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว ทั้งตัวข้าขนลุกขนชันไปหมด” ฟางเหยาเอ่ย “อาจารย์มอบหมายงานให้ข้า เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

ฮวาหรงมักจะตั้งแง่กับลู่จื่ออวิ๋นเสมอ ทว่าวันนี้ทุกอย่างกลับเงียบสงบตลอดทั้งวัน นางอดที่จะรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองไม่ได้ นังเด็กเหม็นโฉ่คนนั้นยังเป็นเด็กทั้งยังขี้ขลาด ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกมาแม้ถูกรังแก

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ลู่จื่ออวิ๋นจะพูดก็ไม่มีผู้ใดเชื่อนางอยู่ดี ถึงอย่างไรฮวาหรงก็ไม่หลงเหลือหลักฐานไว้แม้แต่น้อย แม้ยานั้นบ่าวรับใช้ของนางจะเป็นคนซื้อมา แต่บ่าวรับใช้ผู้นั้นย่อมไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งและดึงดูดผู้คนอย่างแน่นอน

ถึงเวลาที่จะไปทำงานแล้ว

ฮวาหรงนั่งอยู่ในรถม้า จู่ ๆ ก็รู้สึกง่วงงุนขึ้นมากะทันหัน

เมื่อรถม้าหยุดลง นางสังเกตได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

เหตุใดข้างนอกจึงมืดแล้ว?

เมื่อเปิดม่านออก จึงเห็นว่าข้างนอกมืดแล้วจริง ๆ

เหตุใดจึงหลับไปนานเช่นนี้? ไม่ถูกสิ บ้านนางอยู่ไม่ไกลจากหอซือเป่า เป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งรถม้ามาเนิ่นนานเพียงนี้ ที่นี่คือ… ที่ใด?

ฮวาหรงมองบ้านทรุดโทรมหลังหนึ่งตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว

ไม่ผิด!

นี่เป็นบ้านผุพังหลังหนึ่ง

รถม้านั้นจอดอยู่ในลานบ้าน ส่วนคนขับไม่รู้ว่าเขาไปที่ใดแล้ว

หากมีเพียงเท่านี้นางคงไม่หวาดกลัว สิ่งที่ทำให้นางหวาดกลัวที่สุดเป็นดวงตาสีแดงคู่หนึ่งในสวนแห่งนี้ ทั้งยังมีเสียงขู่ ‘ฟ่อ ๆ’ ไร้ที่มาของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง

นางนำตะบันไฟออกมาจากแขนเสื้อ แล้วเป่ามันหนึ่งที ตะบันไฟนั้นส่องประกายไฟอ่อน ๆ ออกมา ทว่าแสงสว่างเพียงน้อยนิดนี้เพียงพอให้นางเห็นสภาพการณ์ตรงหน้า

บ้านหนึ่งหลังที่เต็มไปด้วยงู

ทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นงู!

“กรี๊ดดดดดด…” เสียงกรีดร้องดังแหวกผ่านรัตติกาลอันเงียบสงัด

ลู่จื่ออวิ๋นและติงเซียงอยู่ในตลาดกลางคืนที่รายล้อมไปด้วยผู้คน

ติงเซียงเอ่ยขึ้น “คุณหนู นี่เป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะเจ้าคะ นั่นงูสิบกว่าตัวเชียวนะเจ้าคะ!”

“ล้วนถูกถอดเขี้ยวออกหมดแล้ว มีอันใดให้กลัวกัน?”

“นางไม่รู้น่ะสิเจ้าคะ!”

“อันที่จริงก็มีบางตัวที่ไม่ได้ถอดเขี้ยว นั่นก็ขึ้นอยู่กับดวงของนางแล้ว หากนางถูกกัด เช่นนั้นก็นับว่าสมควร แน่นอนว่าพิษไม่ร้ายแรงนัก อย่างมากก็แค่ทำให้ผิวเนื้อแม่หมูโง่นางนั้นบวมไปเพียงไม่กี่วัน”

“ฮวาหรงผู้นั้น นางคิดว่าท่านไม่มีหลักฐาน ทำอันใดนางไม่ได้ มีคำกล่าวที่ว่าจงปฏิบัติกับผู้อื่นด้วยวิธีที่คนผู้นั้นปฏิบัติอยู่” ติงเซียงเอ่ย “คุณหนู ตรงนั้นมีการแสดงปาหี่เจ้าค่ะ”

“อย่าไป” ลู่จื่ออวิ๋นคว้าติงเซียงไว้ “สายตาเจ้าดีเพียงนี้ เหตุใดไม่เห็นว่าท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าอยู่ตรงนั้นเล่า?”

ติงเซียงหันกลับไป จึงเห็นใต้เท้าลู่กับฮูหยินลู่กำลังดูการละเล่นอยู่จริง ๆ บ่าวรับใช้ที่พวกเขาพามาอยู่ห่างออกไป เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน

ทั้งสองคนจึงหันหลังกลับ เดินต่อไปอีกพักหนึ่งก่อนที่ลู่จื่ออวิ๋นจะหยุดฝีเท้าอีกครั้ง

เบื้องหน้ามีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แข็งแรงหลายคนกำลังผลักชาวบ้านทั่วไปลงกับพื้นและทุบตีพวกเขาอย่างรุนแรง ไม่ไกลออกไปมีคุณชายผู้สูงศักดิ์ในชุดหรูหรายืนเรียงรายอยู่ สองคนในนั้นต่างเป็นคนที่นางรู้จักมักคุ้น ผู้หนึ่งคือฟ่านเหยี่ยน อีกผู้หนึ่งคือเซี่ยเฉิงจิ่น

ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ตี! หากตีตายแล้วก็นับว่าเป็นของข้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย